Photo: Courtesy of the Brand
หากพูดถึงแบรนด์ที่ไม่ได้เป็นเพียงผู้สร้างนาฬิกา แต่เป็นผู้บันทึกเวลาแห่งประวัติศาสตร์โลก OMEGA คือชื่อที่ไม่อาจมองข้าม จากจุดกำเนิดในหุบเขาเล็กๆ แห่งสวิตเซอร์แลนด์ในศตวรรษที่ 19 จนกลายมาเป็นแบรนด์ที่มีบทบาทตั้งแต่
บนข้อมือของนักบินอวกาศ นักกีฬาระดับโลก ไปจนถึงสายลับผู้กอบกู้โลกในจักรวาลภาพยนตร์ ทุกวินาทีของ OMEGA ไม่ได้บอกเวลา หากแต่บอกเล่าอัตลักษณ์ของบุรุษผู้มีเป้าหมาย
บทที่หนึ่ง: จุดเริ่มของจักรกลเรือนแรก
ปี 1848 Louis Brandt เริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ ในเมือง La Chaux-de-Fonds พร้อมวิสัยทัศน์ในการสร้างนาฬิกาที่ทั้งเที่ยงตรงและสง่างาม หลังเขาเสียชีวิตในปี 1879 ลูกชายสองคน Louis-Paul และ César ได้สานต่อเจตนารมณ์ และพาแบรนด์เปลี่ยนผ่านจากหุบเขาเงียบสงบสู่เมือง Biel/Bienne อันคึกคัก พร้อมตั้งโรงงานที่ทันสมัยยิ่งขึ้น ซึ่งยังคงเป็นสำนักงานใหญ่ของ OMEGA จนถึงทุกวันนี้



ในปี 1885 พวกเขาเปิดตัวกลไก Labrador เครื่องแรกของแบรนด์ที่ผลิตแบบอุตสาหกรรมได้มาต่อเนื่อง และกลายเป็นรากฐานของกลไก 19-ligne caliber ในปี 1894 ที่ได้รับการตั้งชื่อให้กับความสำเร็จครั้งนี้ว่า “OMEGA” ซึ่งหมายถึง “ที่สุด” ทั้งด้านวิศวกรรมและชื่อเสียง

ปี 1892 OMEGA ยังเปิดตัวนาฬิกาข้อมือ Minute Repeater แบบแรกของโลก ซึ่งสามารถตีบอกชั่วโมงและนาทีได้ตามต้องการ เป็นการผสานวิศวกรรมระดับสูงเข้ากับขนาดที่เหมาะสำหรับข้อมือผู้ชายยุคใหม่

การเดินทางครั้งนั้นไม่ใช่แค่การย้ายสถานที่ แต่คือการก้าวข้ามยุคสมัย สู่จุดที่คำว่า “OMEGA” ไม่ได้เป็นเพียงชื่อเครื่องนาฬิกาอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของความแม่นยำแห่งจักรวาล วิศวกรรมที่ไม่หยุดนิ่ง และมรดกที่เดินคู่เวลาอย่างไม่สะดุด
บทที่สอง: Omega คือผู้จับเวลาสุดโปรดของการแข่งขันกีฬาระดับโลก
ปี 1905 OMEGA กลายเป็นแบรนด์นาฬิกาแรกที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็น ‘Official Timekeeper’ ในการแข่งขันกีฬา 16 รายการทั้งในและนอกสวิตเซอร์แลนด์ จนถึงปี 1932 ที่แบรนด์ได้บันทึกอีกหนึ่งหน้ากับนาฬิกาโครโนกราฟเพียงพียงนาฬิกาโครโนกราฟ 30 เรือน และช่างนาฬิกาเพียงหนึ่งคน ก็เพียงพอจะสร้างความแม่นยำให้ทั้งทัวร์นาเมนต์

Notes:
ในปี 1932 มหกรรมกีฬาโอลิมปิกทั้งรายการ OMEGA ได้รับความไว้วางใจให้บอกเวลาสำหรับทุกการแข่งขันในลอสแองเจลิสในปีนั้น โดยใช้ช่างนาฬิกาเพียงหนึ่งคน และนาฬิกาโครโนกราฟอีก 30 เรือน นับเป็นการก้าวขึ้นมาจากจุดเริ่มต้นที่ดูเล็กน้อยนี้ขึ้นสู่การเป็นผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกือบทุกครั้ง OMEGA ได้เปิดตัวความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีมากมายในงานมหกรรมเหล่านี้และยกระดับความแม่นยำในการบอกเวลาการแข่งขันจาก 1/10 ของวินาทีเมื่อปี 1932 เป็น 1/1000 ของวินาทีในปัจจุบัน
ปี 2024 มหกรรมกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงปารีส คือการตอกย้ำถึงการก้าวกระโดดครั้งใหม่ของ OMEGA ในด้านการบอกเวลาสมัยใหม่ ด้วยการยกระดับมาตรฐานความเที่ยงตรงและความน่าเชื่อถือทางแบรนด์จะวัดผลการแข่งขัน โอลิมปิกและพาราลิมปิกแต่ละรายการด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงมากมาย ซึ่งรวมถึงกล้องรุ่นใหม่อย่าง Scan’O’Vision ULTIMATE ที่สามารถถ่ายภาพได้มากถึง 40,000 ภาพที่เส้นชัย เช่นเดียวกับระบบคอมพิวเตอร์วิชั่นที่สามารถบันทึกข้อมูลสมรรถนะเชิงลึกหลากหลายด้านในกีฬาประเภท ต่างๆ


บทที่สาม: Speedmaster – นาฬิกาคู่กายนักบินอวกาศ
ปี 1962 นักบินอวกาศ Wally Schirra สวม OMEGA Speedmaster ขึ้นสู่อวกาศครั้งแรกในภารกิจ Mercury Sigma 7 นับเป็นจุดเริ่มต้นมาเป็นตำนานของ “Moonwatch” ในภายหลัง หลังผ่านการทดสอบทรหดจาก NASA ในปี 1965 Speedmaster นาฬิกาข้อมือเรือนเดียวที่ยังคงทำงาน และได้รับการรับรองให้ใช้ในทุกภารกิจอวกาศ ที่มีมนุษย์ควบคุม

ปี 1969 เมื่อ Buzz Aldrin เหยียบลงบนพื้นผิวดวงจันทร์ นาฬิกา Omega Speedmaster ก็อยู่บนข้อมือเขา รวมถึงเหตุการณ์ “Apollo 13” ก็ยิ่งตอกย้ำถึงคุณค่าของนาฬิกาเรือนนี้ เมื่อ Speedmaster ช่วยลูกเรือในการคำนวณการเบี่ยงเบนวงโคจรเพื่อกลับสู่โลกอย่างปลอดภัย จนได้รับรางวัล Silver Snoopy Award จาก NASA


อ่านเพิ่มเติม: ย้อนชมเส้นทางของ ‘Snoopy’ ในโลกแห่งเรือนเวลา
ในปี 1972 เข้าสู่ภารกิจไปดวงจันทร์ครั้งสุดท้าย กับ Apollo 17 ที่นำโดยผู้บังคับการ Eugene Cernan เป็นการไปเยือนดวงจันทร์ครั้งสุดท้ายของ NASA และเป็นที่จดจำจากการสร้างสถิติหลายรายการ รวมถึงการบินไปดวงจันทร์โดยมีมนุษย์ควบคุมที่มีระยะเวลานานที่สุดอีกด้วย นี่เป็นอีกครั้งที่นาฬิกาอันโด่งดังของ OMEGA ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ ในขณะที่เคอร์แนน และนักบินของภารกิจใช้เวลาบนดวงจันทร์กว่าสามวัน ลูกเรือที่ยังคงอยู่ในวงโคจรของดวงจันทร์ได้ใช้ Speedmaster ของตน ในระหว่างการทดลองการพาและการไหลของความร้อน เมื่อกัปตันของยานบริการที่พก Speedmaster ของตัวเองไปพร้อมกับชุดอุปกรณ์อย่างเป็นทางการได้กลับมาถึงโลก เขาได้สลัก Speedmaster ส่วนตัวของเขาด้วย ข้อความว่า”FLOWN IN C.S.M. TO THE MOON”, “APOLLO 17” พร้อมด้วยลายเซ็นของตน เขายังได้สลักคำว่า “HEAT FLOW EXPR” และ “6 – 19 DEC 1972” ไว้บนขอบนาฬิกาอีกด้วย

ตั้งแต่นั้นมา Speedmaster ก็กลายเป็นนาฬิกาทางการของทั้ง NASA และ Russian Space Agency และยังคงอยู่บนข้อมือนักบินอวกาศบนสถานีอวกาศนานาชาติทุกวันนี้ ซึ่งนั่นสะท้อนจิตวิญญาณของมนุษย์ที่ไม่เคยหยุดไล่ตามความเป็นไปได้ใหม่ๆ
บทที่สี่: OMEGA x James Bond: เมื่อสายลับผู้กอบกู้โลกไว้ในทุกวินาที
ตั้งแต่ James Bond ปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์ Dr. No ปี 1962 เขาไม่เพียงแค่ขับเคลื่อนความระทึกบนจอเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นแฟชั่นไอคอนที่ทั้งโลกต้องหันมามอง นาฬิกาที่อยู่บนข้อมือของเขาก็เช่นกัน ทั้ง Rolex, Seiko, TAG Heuer, Hamilton หรือ Breitling ล้วนเคยมีบทบาทคู่กับสายลับมาแล้ว …จนกระทั่งปี 1995 กับ GoldenEye ที่ OMEGA Seamaster ได้เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์สายลับไปตลอดกาล
ยุคทองของ Seamaster บนข้อมือ 007
Pierce Brosnan เปิดตัวบทบาท James Bond ด้วย Seamaster Professional Quartz Ref. 2541.80.00 ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่าง OMEGA กับแฟรนไชส์ Bond ที่ดำเนินมาถึงทุกวันนี้ โดย Lindy Hemming ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายใน GoldenEye ให้เหตุผลว่า “Bond เป็นทหารเรือ เป็นนักดำน้ำ เป็นสุภาพบุรุษ – เขาจึงควรใส่ OMEGA” และเธอก็คิดถูก

Seamaster ที่ Brosnan สวม เป็นนาฬิกาสปอร์ตควอตซ์กันน้ำได้ลึก 300 เมตร พร้อมวาล์วปล่อยฮีเลียมที่กลายเป็นเลเซอร์คัตเตอร์ในหนัง นี่ไม่ใช่แค่ “พร็อพ” แต่คือเครื่องมือที่พร้อมทุกสถานการณ์จริง ๆ
2006 – CASINO ROYALE
ในการเปิดตัวบทบาท Bond ของ Daniel Craig ภาพลักษณ์สายลับถูกนิยามใหม่ให้ดิบ เท่ และจริงจังยิ่งขึ้น พร้อมการกลับมาของ Seamaster Diver 300M ที่เน้นความสมจริง ไม่มีลูกเล่นพิเศษ และมาพร้อมกับ Planet Ocean 600M Co-Axial Chronometer ที่สะท้อนความแกร่งของตัวละคร

2020 – 25 ปี OMEGA x 007
OMEGA เปิดตัว Seamaster Diver 300M “007 Edition” เพื่อเฉลิมฉลอง 25 ปีแห่งความร่วมมือกับแฟรนไชส์ James Bond โดยนาฬิการุ่นนี้ใช้วัสดุไทเทเนียมแบบทหาร มีน้ำหนักเบาและทนทาน สะท้อนจิตวิญญาณของสายลับได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ไม่ว่าจะ Pierce Brosnan, Daniel Craig หรือในอนาคต… OMEGA ยังคงเป็นเครื่องหมายแห่งความกล้าหาญบนข้อมือบอนด์ทุกคน
บทที่ห้า: นิยามความเที่ยงตรงผ่านมาตรฐาน “Master Chronometer”
OMEGA ไม่ใช่แค่แบรนด์ที่พูดถึงอดีต แต่ยังนิยามอนาคตของความเที่ยงตรง ผ่านมาตรฐาน “Master Chronometer” ที่ร่วมกับ METAS ในการทดสอบนาฬิกาทั้งด้านความแม่นยำ การต้านทานสนามแม่เหล็ก และความเสถียรของกลไก นอกจากดีไซน์และเทคโนโลยี สิ่งที่ทำให้ OMEGA โดดเด่นเหนือแบรนด์ใดคือแนวคิดที่ว่า “ความเที่ยงตรงคือการเคารพต่อทุกช่วงเวลาของชีวิต” และนั่นคือคุณค่าที่อยู่เหนือกาลเวลา

ความเที่ยงตรงในแบบ OMEGA ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนหน้าปัด แต่มันคือความแม่นยำที่สะท้อนตัวตนของผู้ชายที่ไม่พลาดในทุกการตัดสินใจ

บทล่าสุด: MoonSwatch กระแสแรงดีไม่เคยตกยุค
ในปี 2021 OMEGA เปิดตัว MoonSwatch ร่วมกับ Swatch เป็นมากกว่าความร่วมมือ แต่คือการเปิดประตูต้อนรับคนรุ่นใหม่ให้เข้าถึงมรดกของแบรนด์ในแบบสนุกและร่วมสมัย


อ่านเพิ่มเติม:
‘Mission to Moonshine Gold’ ภารกิจครั้งใหม่ของ MoonSwatch วางขายแค่วันพระจันทร์เต็มดวง
Moonswatch 1965 การกลับมาของตำนาน Speedmaster ในแบบที่ทุกคนรอคอย
176 ปีของ OMEGA จึงไม่ใช่เพียงเรื่องราวของเวลา หากแต่คือการเดินทางที่หล่อหลอมตัวตนของผู้ชาย — ผู้ที่กล้าก้าวล้ำหน้า พร้อมเผชิญโลก ด้วยหัวใจที่ไม่เคยหยุดเดิน