Nothing เปิดตัวหูฟังไร้สาย True Wireless (TWS) รุ่นใหม่ล่าสุด Ear (2) ต่อยอดความสำเร็จจากหูฟังรุ่น Ear (1) และ Ear (stick) โดยหูฟังไร้สายโมเดลที่ 3 นี้ยังคงเอกลักษณ์งานดีไซน์ด้วยวัสดุโปร่งใสคู่กับวัสดุทึบแสงสีขาวและดำ แซมด้วยโลหะ และจุดสีแดงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของ Nothing Ear (2) ดูไม่ต่างจากรุ่นแรกมากนัก แต่ภายในได้รับการปรับแต่งให้ดีกว่าเดิมเพื่อมอบประสบการณ์เสียงอันทรงพลังขั้นสูงสุด เปิดราคาไทยอยู่ที่ 5,490 บาท พร้อมให้สั่งจองตั้งแต่วันนี้ และรับสินค้าได้ในวันที่ 28 มีนาคม นี้
เล็กลง เบากว่าเดิม และทนทานยิ่งขึ้น
เมื่อมองแบบผ่านๆ หน้าตาของ Nothing Ear (2) อาจดูคล้ายเดิม ทว่ามีการลดหุ่นเพื่อเสริมความหล่อ ขนาดของหูฟังถูกย่อลงมาจากเดิมเล็กน้อย น้ำหนักเบาลงกว่าเดิม 0.2 กรัม จากรุ่นแรก 4.7 กรัม เหลือเพียง 4.5 กรัม ทำให้รู้สึกสบายหูมากขึ้น นอกจากนี้ยังอัพเกรดแบตเตอรี่เพิ่มอายุการใช้งานเป็น 36 ชั่วโมง จากเดิม 34 ขั่วโมงต่อการชารจ์หนึ่งครั้ง (รวมการชาร์จจากเคส)
ตัวหูฟังมาพร้อมไดรเวอร์ขนาด 11.6 มม. เพิ่มพลังเสียงเบสให้มีความลึกและเสียงสูงที่ชัดใส การออกแบบหูฟังแบบ Dual-Chamber ไม่เหมือนใคร เพิ่มพื้นที่ภายในหูฟังให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้การไหลเวียนของอากาศดียิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มคุณภาพเทียบเท่าระดับสตูดิโอ และอุ่นใจด้วยการกันน้ำตัวหูฟังในระดับ IP54 และ IP55 สำหรับตัวเคส ช่วยปกป้องหูฟังให้ทนทานต่อน้ำ ความชื่น และฝุ่นละออง
ยกเครื่องภายในด้วยวัตกรรมล่าสุด
Nothing Ear (2) จูนอัพระบบเสียงครั้งยิ่งใหญ่ ให้รองรับ LHDC 5.0 รองรับไฟล์ Hi-Res Audio 24bit ที่ความเร็วสูงสุด 1 Mbps สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สองเครื่องพร้อมกัน ทำให้การใช้งานจากสองอุปกรณ์ต่อกันได้อย่างราบลื่น ไฮไลต์อยู่ที่ฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation (ANC) สามารถลดเสียงรบกวนได้มากถึง 40 dB และยังมี Adaptive Mode ที่จะปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ และระบบการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟที่มีความล้ำสมัยที่สุด
เทคโลโลยี Clear Voice Technology ที่เก่งกว่าเดิมยังช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงระหว่างการโทรให้ชัดเจนตลอดการสนทนา มาพร้อมไมโครโฟนความละเอียดสูงข้างละสามตัว และอัลกอริทึมการลดเสียงรบกวนด้วย AI ที่สามารถกรองเสียงได้มากกว่า 20 ล้านเสียง รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3 จึงสามารถควบคุมได้อย่างง่ายดายด้วยการกดที่ก้านหูฟัง
Nothing X ครบจบในหนึ่งแอพฯ
รวมทุกสิ่งทั้งการตั้งค่าและการปรับแต่งในแบบเฉพาะตัว เริ่มต้นที่เมนูการปรับอีควอไลเซอร์ มีโหมดการปรับแบบมาตรฐาน และการปรับแบบเฉพาะบุคคลที่จะช่วยเรื่องการชดเชยเสียงให้มีความใสและเบสมีความคมชัด อีกทั้งยังสามารถเก็บโปรไฟล์รูปแบบเสียงส่วนบุคคลเพื่อประสบการณ์เสียงที่ดีกว่า และสามารถปรับระดับได้หลากหลายรูปแบบ
Editor’s Note
- ดีไซน์มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากคู่แข่งในท้องตลาด
- วัสดุมีความแข็งแรงทนนาน แต่พื้นผิวมีความเงาจึงเป็นรอยขนแมวได้ง่าย
- ขนาดเคสกำลังดีไม่เป็นอุปสรรค์ต่อการพกมาในชีวิตประจำวัน
- ตัดเสียงรบกวนได้อยู่ในเกณฑ์ดีตามที่เคลม
- การใช้งานไมค์โครโฟนสำหรับการโทรออกอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก แต่อยู่ในระดับทั่วไปเมื่อโทรผ่านแอปพลิเคชัน
- เนื้อเสียงของนักร้องมีความคมชัดใส แหลมคมเล็กน้อย แยกเสียงนักร้องได้ชัดเจน
- ซาวด์สเตจกว้างพอสมควร แต่เสียงของเครื่องดนตรีแต่ละชนิดไม่ชัดเจนมากนัก
- เบสค่อนข้างหนักแน่นแต่มวลยังไม่อิ่มมากนัก แต่ก็ถือว่าทำได้ดีเกินขนาด
- ภาพรวมของเสียงส่งพลังในย่านโทนสูงได้ดีมาก ชัด ใส และคม ส่วนย่านเสียงอื่นๆ อยู่ในเกณฑ์น่าพึงพอใจ
- คุณภาพเสียงทำได้ดีเกินขนาดตัว