‘Noble AQUA Riverfront’ ตอกย้ำความหรูหราที่แตกต่างที่ย่านราษฎร์บูรณะ

สำหรับใครที่กำลังมองหาที่พักสุดหรูแต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยงานดีไซน์ ตอนนี้ Noble จึงตอกย้ำความลักชูรีที่แตกต่างของแบรนด์ โดยเปิดตัวบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ ‘Noble AQUA Riverfront Ratburana’ บนทำเลสุดหายากติดแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งโครงการเป็นบ้านเดี่ยวลักชูรีโครงการที่ 2 ภายใต้คอลเล็กชัน ‘The Rare Selection by Noble’

โครงการนี้นั้นเป็นการต่อยอดจากความสำเร็จของโครงการ ‘Noble Terra Rama 9 – Ekamai’ สร้างยอดขายกว่า 40% ภายใน 3 สัปดาห์ ตอกย้ำดีมานด์ลูกค้ากำลังซื้อสูง ที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่ไม่เหมือนใคร มองหาความเอ็กซ์คลูซีฟที่สะท้อนตัวตนและตอบสนองความต้องการเฉพาะของตัวเอง!

‘อรนุช อิติโกศิน’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจบริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ กล่าวว่า “โครงการ โนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวนเพียง 53 หลัง ตั้งอยู่บนที่ดินประมาณ 15 ไร่ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา บนถนนราษฎร์บูรณะ โครงการถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด ‘Oneness with The River’ การหลอมรวมความสุขของการใช้ชีวิตและธรรมชาติของสายน้ำไว้ด้วยกันผ่าน 3 องค์ประกอบหลัก

‘Rare Location’ โลเคชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

โครงการตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ เช่น สาทร สีลม และสุขุมวิทได้โดยสะดวก ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน สะพานพระราม 9 และสะพานภูมิพล รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และใกล้กับโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง ได้แก่ King’s College, Shrewsbury ที่สำคัญที่ดินของโครงการอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณที่มีโค้งน้ำกว้างและสงบ  ทำให้มีบรรยากาศที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยและพักผ่อนในเวลาเดียวกัน อีกทั้งที่ดินที่ติดแม่น้ำในกรุงเทพปัจจุบันมีเพียงจำนวนจำกัด และยากที่จะพัฒนาเป็นโครงการแนวราบ ทำให้นอกจากความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยแล้ว ยังเป็นสินทรัพย์ที่สามารถเพิ่มมูลค่าได้ในอนาคตอีกด้วย

‘Rare Design’ งานดีไซน์สุดยูนีค

การออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งในส่วนของการออกแบบผังโครงการและการออกแบบตัวบ้าน โดยมีโจทย์หลักคือ ทิวทัศน์ (View) จากแม่น้ำ เพื่อให้บ้านทุกหลังสามารถเปิดมุมมองให้มองเห็นวิวแม่น้ำได้มากที่สุด เลือกการจัดวางฟังก์ชันที่แตกต่าง โดยนำเอาพื้นที่ห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่น ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางของบ้านขึ้นไปไว้บนชั้น 2 และชั้น 3 ซึ่งเป็นจุดที่ดีที่สุดสำหรับการมองเห็น (Visual) แม่น้ำ  รวมถึงการสร้างช่องว่าง (Void) ระหว่างบ้านแต่ละหลัง

และจัดวางช่องเปิดของบ้านทุกหลังให้ไม่ปะทะกันเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัว ส่วนเรื่องสุดท้ายคือการใช้รูปทรงหลังคาแบบทรงจั่ว เพื่อลดปริมาณ (Volume) ความหนาแน่นของอาคาร และสร้าง Slope ใต้หลังคาที่ทำให้พื้นที่ภายในตัวบ้านมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น หลังคาทรงจั่วยังสร้างอัตลักษณ์ในเชิงสถาปัตยกรรมของตัวโครงการให้เป็นภาพจำและมีความเป็น Iconic Riverfront Villa เมื่อมองจากภายนอกโครงการอีกด้วย

‘Rare Experience’ ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

การส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่แตกต่าง ผ่านการอยู่ร่วมกันในสังคมที่คัดสรรแล้วและปลอดภัย รวมถึงการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมภายในโครงการที่ให้ผู้อยู่อาศัยได้รับประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สะดวกสบายและยั่งยืน พร้อมด้วยฟังก์ชันของบ้านที่ถูกคิดมาอย่างชาญฉลาดตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนยุคใหม่ เทคโนโลยี และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันทั้งภายในบ้าน

โดยจัดเตรียมพื้นที่สำหรับครอบครัวที่เป็น Multi-Generation ไว้ในบ้านทุกหลัง เช่น การเตรียมห้องนอนและห้องน้ำผู้สูงอายุที่ชั้น 1 มีทางลาดทางเข้าบ้านสำหรับการใช้ Wheelchair และมี Lift ภายในบ้านทุกหลัง รวมถึงจัดเตรียมเทคโนโลยีเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในตัวบ้านไม่ว่าจะเป็น ระบบ Home Automation และระบบ Active Air Flow เติมอากาศบริสุทธิ์

พร้อมถ่ายเทความร้อนภายในบ้านให้เย็นสบายตลอดวัน รวมถึงรองรับการติดตั้ง EV Charger ให้กับบ้านทุกหลัง และถึงแม้โครงการจะมีบ้านเพียง 53 หลัง แต่สิ่งอำนวยความสะดวกยังคงถูกจัดเตรียมไว้ให้อย่างครบครัน โดยมีพื้นที่ Clubhouse ถึง 2 จุด ที่สามารถสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ได้แก่ Riverfront Clubhouse ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ที่ติดแม่น้ำ ประกอบด้วย Riverfront Lounge ห้องรับรองส่วนกลางที่ พร้อม Co-Kitchen สำหรับจัด Private Dinner, สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และสระว่ายน้ำสำหรับเด็ก พร้อม Riverfront Terrace สำหรับพักผ่อนชมวิวและซึมซับบรรยากาศริมแม่น้ำได้ในทุกวัน

สุดท้าย Garden Clubhouse ตั้งอยู่บริเวณด้านในโครงการ เชื่อมต่อกับพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ใจกลางโครงการ ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องออกกำลังกาย ที่มาพร้อมเครื่องออกกำลังกายคุณภาพสูงจาก Technogym

Similar Articles

More