แบรนด์ฮิปแห่งยุค Jacquemus กลายเป็นโชว์ไฮไลท์ในช่วง Paris Men’s Fashion Week เดือนมิถุนายนนี้ทันทีเมื่อ Simon Porte Jacquemus (ซิมง ปอร์ต ฌักมูส) ที่เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร ELLE ว่าเขาไม่สนใจโลกของความหรูหราฉบับปารีเซียงและแฟชั่นชั่นสูงหรือโอตกูตูร์เท่าใดนัก กำลังจะจรดบทบันทึกครั้งสำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์ของแบรนด์ นำคอลเล็กชั่นฤดูหนาวประจำปีนี้ไปจัดในพระราชวังแวร์ซายส์ (Château de Versailles) อดีตที่พำนักสำหรับล่าสัตว์ก่อนพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จะเนรมิตรให้กลายเป็นสถาปัตยกรรมชั้นยอดที่เป็นตัวแทนของศิลปะบาโรก (Baroque) อีกทั้งยังเป็นสถานที่ออกเดตครั้งแรกกับสามีคนปัจจุบันที่เขาเพิ่งแต่งงานด้วย
และหากย้อนกลับไปในปี 1973 หรือเมื่อครึ่งศตวรรษที่แล้ว พระราชวังแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์โลกแฟชั่น The Battle of Versailles นักออกแบบชั้นนำแห่งยุคจากอเมริกานำผลงานมาโชว์เพื่อเป็นการท้าดวลกับนักออกแบบชาวฝรั่งเศส (ประเด็นนี้มีให้ชมกันในซีรีส์ของ Netflix เรื่อง Halston) โดยมีวัตถุประสงค์แท้จริงในการจัดงานคือเพื่อระดมทุนบูรณะพระราชวัง … ดังนั้นจะมีสถานที่แห่งใดที่เหมาะแก่การสร้างประวัติศาสตร์ของ Jacquemus ให้เป็นที่จดจำได้เท่ากับที่แห่งนี้
เวลาผ่านมา 50 ปี วันนี้ซิมงสามารถทำความฝันได้สำเร็จ ภาพโชว์สุดตระการตาจากเหตุการณ์ครั้งสำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์โลกแฟชั่นที่กล่าวถึง ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขาต้องการจัดโชว์ในสถานที่แห่งนี้กลายเป็นจริงขึ้นมา และแม้เคยให้สัมภาษณ์ว่านักออกแบบจากท้องไร่อย่างเขาไม่ได้หลงใหลในโลกของแฟชั่นชั้นสูงสักเท่าไร เพราะสิ่งที่เขาทำในวันนี้คือการสะท้อนภาพความงามจากฝรั่งเศส ไม่ใช่เพียงแค่สไตล์ปารีเซียงและโอตกูตูร์ แต่เราก็อดลุ้นก่อนโชว์จะเริ่มไม่ได้ว่าเขาจะเชื่อมโยงโลกของเหล่าชนชั้นสูงในราชสำนักกับตัวตนของนักออกแบบลูกทุ่งได้อย่างไร
“การแสดงในคราวนี้เป็นส่วนเติมเต็มให้กับกลยุทธ์ในระยะยาวของ Jacquemus เพื่อเข้าถึงพื้นที่โลกแห่งความหรูหรา” – Bastien Daguzan (บาสเตียน ดากูซาน) ซีอีโอของแบรนด์ให้สัมภาษณ์ถึงโชว์ครั้งประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นว่านักออกแบบคนนี้ต้องมีดีมากพอที่จะใช้พระราชวังเป็นสถานที่จัดโชว์ซึ่งไม่ใช่แบรนด์ไหนๆ ก็จะเลือกใช้จัดโชว์ได้ตามใจนึก โดยเขายังกล่าวขยายความเพิ่มเติมว่า พระราชวังแห่งนี้และสินค้าลักซ์ชัวรี่มีความเหมือนในแง่ของการ ‘เข้าถึงยาก’ ดังนั้นสิ่งที่ Jacquemus พยายามจะสื่อสารผ่านโชว์คราวนี้คือ ‘พวกเรา’ ไม่ว่าเป็นใครก็สามารถเข้าถึงสิ่งที่คิดว่าเกินเอื้อมได้ Jacquemus คือตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่กล้าก้าวข้ามความรู้สึกเหล่านั้น วันนี้เขาแสดงให้เห็นแล้วว่าดีไซเนอร์บ้านนอกก็สามารถยกทัพมาบุกแวร์ซายได้ไม่ต่างจากตอนเหตุการณ์สำคัญในอดีต
แขกคนสำคัญและสื่อชั้นนำถูกพามายังรันเวย์กลางสวนของพระราชวังด้วยเรือสีขาวนวล และเมื่อเทียบท่าก็จะมีนางแบบก้าวออกมาและเดินนำหน้าโดยมีพระราชวังแสนโอ่อ่าเป็นฉากหลัง “ปีที่แล้ว ผมฝันถึงสิ่งเหล่านี้และส่งอีเมลถึงบาสเตียนพร้อมรูปภาพแวร์ซายสองรูป ผมบอกเขาว่าต้องการให้คนมาทางเรือและดูของสะสมจากเรือไปพลางๆ” – ซิมงให้สัมภาษณ์หลังจบการแสดงซึ่งเป็นที่มาของโมเมนต์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวานนี้
ตัวตนของซิมงยังชัดเจน แม้เขาต้องการจัดโชว์ที่พระราชวังแวร์ซาย แต่ก็ไม่ได้เลือกห้องโถงหรูหราเป็นรันเวย์อย่างที่กูตูร์เฮาส์หลังดังนิยมทำ แต่กลับเลือกใช้สวนสวยเป็นรันเวย์เพื่อโชมโยงกับรากเหง้าของเขาให้มากที่สุด และจริงอยู่ที่ผลงานทั้งชายและหญิงสำหรับคอลเล็กชั่น Fall/Winter 2023 นี้มีส่วนหนึ่งที่อ้างอิงสไตล์ของ Marie Antoinette (มารี อองตัวเน็ตต์) อย่างที่ไกด์ไลน์บอกใว้บนสตอรี่ของอินสตาแกรมส่วนตัว “สวัสดี มารี อองตัวเน็ตต์!” แต่เขาไม่ต้องการรังสรรค์เสื้อผ้าสไตล์คอสตูมแนวพีเรียด สิ่งที่ทำคือการนำโครงสร้างของอาภรณ์สำหรับสุภาพสตรีในช่วงศตวรรษที่ 18 มาปรับใช้ คู่กับรายละเอียดของงานปักและลูกไม้ชองติลยี อย่างซิลูเอตขยายช่วงสะโพกด้วย Pannier (แพนนิเยร์) ในชุดของฝั่งหญิง ขณะที่ฝั่งชายสไตล์ลิ่งด้วยการถกกางเกงบ็อกเซอร์ตัวในออกมากองช่วงสะโพกเพื่อให้ซิลูเอทคล้ายกัน
สุภาพสตรีอีกรายที่เป็นแรงบันดาลใจให้คอลเล็กชั่นนี้คือเจ้าหญิงไดอานาผู้เป็นที่รักของคนทั่วโลก รูปทรงที่พองโตและใหญ่ยักษ์ สัญลักษณ์ของแฟชั่นในทศวรรษที่ 1980 ซึ่งมีเลดี้ไดอาน่าเป็นสไตล์ไอคอนคืออีกส่วนสำคัญที่ทำให้ผลงานในคอลเล็กชั่นนี้ดูน่าสนใจ เพราะเขาหลงรักเจ้าหญิงที่ครั้งหนึ่งเคยครองสถานะสุภาพสตรีผู้มีสไตล์ที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดในโลก และยังเป็นที่มาของชื่อคอลเล็กชั่นนี้ว่า ‘Le ChouChou’ (เลอ ชูชู)
แต่นอกจากรูปทรงใหญ่เกินจริงแล้ว สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในคอลเล็กชั่นนี้คือการเชื่อมโยงโลกแห่งความหรูหราของสถานที่จัดการแสดงและชิ้นงาน เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา Jacquemus เริ่มกรุยทางเรื่องนี้อย่างชัดเจนโดยรังสรรค์ชิ้นงานร่วมกับ Maison Lesage (เมซงเลอซาจ) สถาบันเลื่องชื่อเกี่ยวกับงานปัก เบื้องหลังงานปักสุดวิจิตรของกูตูร์เฮาส์หลังดังทั้งหลาย ซึ่งในฤดูกาลนี้ก็มีให้เห็นควบคู่กับการแสดงความเชี่ยวชาญด้านงานตัดเย็บอาทิ แจ็คเก็ตหลากสไตล์ที่ตัดและคาดเอวเพื่อรองรับกระโปรงผายชิ้นเล็ก และแบบที่ถอดแขนเสื้อข้างหนึ่งออกแล้วรวบไว้ด้านบน รวมไปถึงการเปลี่ยนตูตูเป็นกางเกงขาสั้นไมโคร
ผมไม่แปลกใจเลยที่ทำไมโชว์ครั้งนี้จะถูกแชร์ว่อนบนโลกโซเชียล เพราะนอกจากเครดิตของชื่อแบรนด์ที่เป็นขวัญใจของคนรุ่นใหม่แล้ว การได้บุกพระราชวังแสนหรูหรายังสะท้อนภาพฝันที่คงจะโดนใจวัยรุ่นทั่วโลก วัยรุ่นที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์และหวังว่าวันหนึ่งจะก้าวข้ามขีดจำกัดในด้านต่างๆได้อย่างที่ ซิมง ปอร์ต ฌักมูส ทำไว้ … วันนี้ชื่อของ Jacquemus จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่สินค้าแฟชั่น แต่กลายเป็นตัวแทนของความหวัง และชิ้นสเตจเมนท์ที่สะท้อนตัวตนและจุดยืนว่ามีทัศนคติเช่นไร ซึ่งนั้นคงเป็นดังความตั้งใจของนักออกแบบผู้นี้ที่ต้องการสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นมากกว่าสินค้าแฟชั่นดังที่เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ “ผมต้องการสานฝันและทำในสิ่งที่รักให้ออกมาดีที่สุด และเมื่อผมรู้สึกอิ่มตัวเมื่อไร ผมก็พร้อมจะกลับบ้านนอกได้แบบไม่ลังเล”












































