ก่อนหน้านี้คงยังจำกันได้กับการเผยโฉมคอลเล็กชั่นพิเศษที่ร่วมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์อันยาวนานและแน่นแฟ้นระหว่างแบรนด์นาฬิกาสวิส อย่าง Hublot และ The Hour Glass ในฐานะตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวของแบรนด์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งครั้งนั้นทั้งคู่ได้เลือกนำเสนอผลงานสุดคลาสสิกร่วมสมัยจากคอลเล็กชั่น Classic Fusion มาผสมผสานเข้ากับเสน่ห์แห่งธรรมชาติของหินสีไว้ใน Classic Fusion Elements นาฬิกาข้อมือที่มีโฉมหน้าปัดจากหินสีให้เลือกอย่างหลากหลาย และเช่นเดียวกันกับในคอลเล็กชั่นเอ็กซ์คลูซีฟใหม่ล่าสุดนี้ ที่ทั้ง Hublot และ The Hour Glass ได้เผยบทใหม่แห่งพลังสร้างสรรค์และความร่วมมือนี้อีกครั้ง ด้วยผลงานนาฬิกาข้อมือรุ่นพิเศษที่ยังคงผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดของ Classic Fusion Elements II โดยมาพร้อมกับเอกลักษณ์เฉพาะตัวของหน้าปัดหินสีใน 5 สไตล์ใหม่ โดยแต่ละรุ่นผลิตด้วยจำนวนจำกัดเพียง 10 เรือน และมีจำหน่ายเฉพาะที่บูติก The Hour Glass และ PMT The Hour ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น
อุทิศให้กับเรื่องราวความสวยงามของหินสีธรรมชาติ ที่ในบรรดานาฬิกาข้อมือทั้ง 5 รุ่นพิเศษ พร้อมกับ 5 ลุคใหม่ของหน้าปัดหินสีต่างๆ นี้ได้บรรจงถ่ายทอดความสวยงามของการสร้างสรรค์เรือนเวลา และผสมผสานอย่างลงตัวเข้ากับงานออกแบบที่เป็นซิกเนเจอร์ของ Classic Fusion หนึ่งในคอลเล็กชั่นยอดนิยมของ Hublot กับเป้าหมายหลักของการสืบทอดซึ่งปรัชญา ‘Art of Fusion’ ที่ยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของการทำงานและการพัฒนาด้านนวัตกรรม ทั้งในแง่ของวัสดุใหม่ๆ และเทคนิคอันทันสมัยในการประดิษฐ์นาฬิกา ดังตัวอย่างของผลลัพธ์จากความร่วมมือกันระหว่าง 2 ผู้เชี่ยวชาญในโลกเรือนเวลาตัวจริง อย่าง Hublot และ The Hour Glass ครั้งนี้
โดยในคอลเล็กชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟของ Classic Fusion Elements II 42mm Special Edition for The Hour Glass นับเป็นทั้งการตีความใหม่ของงานออกแบบนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นจากช่วงปี 1980 ของ Hublot พร้อมทั้งผสมผสานเข้ากับวัสดุล้ำค่าและทันสมัยที่ได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ งานฝีมือ และนวัตกรรม ซึ่งในคอลเล็กชั่นล่าสุดนี้ประกอบด้วยหน้าปัดหินสีทั้ง 5 รูปแบบ แต่ละรุ่นรังสรรค์มาจากหินสีที่เป็นสัญลักษณ์ถึงมุมมองที่แตกต่างกันของโลกแห่งธรรมชาติ ทั้งในรุ่น Lunar Meteorite กับหน้าปัดหินอุกกาบาตจากดวงจันทร์ซึ่งนับว่าหายากมาก และยังเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความเชื่อมโยงกับท้องฟ้า รวมถึงความลึกลับเหนือกาลเวลาของจักรวาล นอกจากนี้ยังเปี่ยมด้วยพลังแห่งธรรมชาติ และทำให้นาฬิกาแต่ละเรือนนั้นเปรียบดั่งมรดกทางประวัติศาสตร์แห่งจักรวาลอีกด้วย
ขณะที่รุ่น Pink Jasper ที่ได้รับความนิยมจากการเสริมซึ่งพลัง และเป็นตัวแทนของความสงบสุขและการฟื้นฟู ด้วยเสน่ห์ของหินสีเหลือบชมพูกุหลาบอันอบอุ่นที่นำมาใช้รังสรรค์เป็นหน้าปัดนาฬิกา โดยให้ทั้งความรู้สึกถึงความสงบ ความสมดุล และความมั่นคงได้อย่างลงตัว
สัญลักษณ์ของการปกป้องและปัญญาคือเอกลักษณ์ของเทอร์ควอยส์ที่ Hublot ได้นำมารังสรรค์เป็นหน้าปัดของนาฬิกาอีกหนึ่งรุ่นในคอลเล็กชั่นนี้ อย่าง Turquoise โดยจับทุกสายตาไว้ด้วยเฉดสีฟ้าเทอร์ควอยส์อันมีเสน่ห์เฉพาะตัว อีกทั้งยังเป็นตัวแทนของความร่มเย็นและความชัดเจนที่สื่อได้ดีถึงคุณภาพแห่งความเที่ยงตรงของนาฬิกาเช่นกัน
และสำหรับหนุ่มๆ ที่หลงใหลในสไตล์เข้มขรึมและสุขุมแบบเรียบโก้แล้ว ย่อมต้องตกหลุมรักกับรุ่น Sodalite ที่มีหน้าปัดทำจากหินสีน้ำเงินเข้ม พร้อมทั้งลวดลายเส้นสีขาวตามธรรมชาติ หรือที่รู้จักกันดีว่าเป็นหินสีที่สื่อถึงการเชื่อมโยงกับตรรกะและความเป็นจริง โดยถ่ายทอดผ่านเฉดสีน้ำเงินที่เป็นเอกลักษณ์ของหินโซดาไลต์
ส่งท้ายด้วยรุ่น Nephrite Jade หรือหยกแห่งความมั่นคง ความอดทน และความกลมกลืน ที่ถ่ายทอดพลังผ่านเฉดสีเขียวเข้มอันเป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งโรจน์และความยืนยง สะท้อนถึงสัมผัสแห่งการถือกำเนิดใหม่และหัวใจอันเป็นแก่นแท้ของทุกๆ พลังอันเข้มแข็ง โดย Hublot ได้นำมาตีความและถ่ายทอดถึงความไร้กาลเวลาของนาฬิกาข้อมือรุ่นนี้ได้อย่างดี
แต่ละลุคของหน้าปัดเหล่านี้ยังบรรจุภายใต้ความแข็งแกร่งและทนทานของตัวเรือนไทเทเนียม ขนาด 42 มม. ที่ผ่านการตกแต่งอย่างประณีตทั้งงานขัดเงาและขัดแต่งแบบซาติน มอบสไตล์สปอร์ตหรูที่ผสมผสานลงตัวเข้ากับความสง่างามเหนือกาลเวลา โดยเฉพาะเมื่อจับคู่มากับสายหนังจระเข้สีดำเย็บตะเข็บด้วยสีน้ำตาลแบบวินเทจหรู ส่วนบนฝาหลังแกะสลักไว้ด้วยคำว่า ‘SPECIAL EDITION’ พร้อมทั้งหมายเลขจำนวนจำกัดของนาฬิกาแต่ละเรือน ขณะที่ภายในขับเคลื่อนโดยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ HUB1110 ที่สำรองพลังงานได้ 42 ชั่วโมง ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานอย่างต่อเนื่องและไว้วางใจได้ด้านความเที่ยงตรงให้กับผู้สวมใส่