ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Hermès ได้ออกสำรวจพรมแดนใหม่ๆ ของการสร้างสรรค์นาฬิกาข้อมือ โดยเฉพาะในเรื่องของสไตล์และการออกแบบที่ไม่เพียงเป็นการนำเสนอแนวคิดใหม่ของการประดิษฐ์คิดค้นด้านกลไกพิเศษ แต่ยังเลือกที่จะถ่ายทอดถึงมุมมองใหม่ๆ ของการบอกเวลาไว้ด้วยเสมอ นั่นทำให้ผลงานสร้างสรรค์ของเฮาส์แห่งนี้มีทั้งเสน่ห์ของสไตล์ที่แตกต่างจากงานดีไซน์และความเที่ยงตรงของการแสดงเวลา



เราขอยกตัวอย่างจาก 3 สไตล์อันโดดเด่นของบรรดานาฬิกาข้อมือทั้ง 3 รุ่นที่นับเป็นผลงานล่าสุดจากต่างคอลเล็กชั่นของ Hermès เริ่มจากความเด่นที่สุดด้านดีไซน์ของนาฬิการุ่น Hermès H08 ซึ่งนับตั้งแต่เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2021 ก็ได้รับความนิยมไม่น้อยในหมู่สุภาพบุรุษที่หลงใหลในสไตล์อันทันสมัยและด้วยรูปแบบใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะจากงานออกแบบตัวเรือนซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่างรูปทรงสี่เหลี่ยมมนและทรงกลม กลายเป็นตัวเรือนทรงคุชชั่นหรือทรงสี่เหลี่ยมมนแบบใหม่ ไปจนถึงการผสานกันระหว่างวัสดุและงานฝีมือการตกแต่ง อย่างในรุ่นที่เปิดตัวหลังสุดของคอลเล็กชั่นนี้ก็ได้นำเสนอเสน่ห์ที่แตกต่างออกไป พร้อมด้วยสไตล์ใหม่ซึ่งได้มาจากการผสมผสานกันระหว่างโรสโกลด์และไทเทเนียม กลายเป็นภาพที่ตัดกันระหว่างเฉดสีทองละมุนเข้ากับสีเทาธรรมชาติที่ให้ทั้งสัมผัสของความอบอุ่นและความมาสคิวลินไปด้วยในตัว

อีกหนึ่งภาพของการบอกเวลาที่นำเสนอผ่านความซับซ้อนของกลไกจักรกลผสานเข้ากับงานดีไซน์ไอคอนิกของตัวเรือน Arceau ที่มีรูปลักษณ์แบบกลมมน พร้อมทั้งหูตัวเรือนแบบอสมมาตรแตกต่างกันระหว่างด้านบนและด้านล่าง ซึ่งได้ต้นแบบมาจากโกลนม้าอันเป็นต้นตำรับของแบรนด์นี้ ก็ต้องยกให้กับนาฬิกาข้อมือรุ่น Arceau Duc Attelé ที่ยังคงความเด่นด้านเอกลักษณ์งานดีไซน์บนตัวเรือนเอาไว้ พร้อมทั้งผสมผสานเข้ากับความซับซ้อนของจักรกล ไม่ว่าจะเป็นการบรรจุด้วยทูร์บิญองแบบ 3 แกนไว้ตรงกลางหน้าปัด รวมถึงกลไกตีเสียงบอกเวลา หรือ Minute Repeater โดยเผยให้เห็นการทำงานของจักรกลแบบส้อมเสียงนี้ไว้อย่างสวยเด่นบนรอบนอกสุดของหน้าปัด และเพื่อให้กลมกลืนเข้ากับรูปทรงอันกลมมนของนาฬิกา รุ่นนี้ยังประกอบด้วยกระจกแซปไฟร์โค้งนูนแบบโดมเหนือทูร์บิญอง จึงยิ่งดูมีมิติและแสดงออกถึงความพิถีพิถันในการออกแบบและสร้างสรรค์เรือนเวลาของแบรนด์ได้อย่างดีทีเดียว

ส่วนอีกหนึ่งสไตล์เฉพาะตัวของนาฬิกาข้อมือ Hermès ได้ถ่ายทอดผ่านความละเอียดอ่อนในงานออกแบบที่มาบรรจบกับความประณีตของศิลปะการตกแต่ง เช่นในรุ่น Slim d’Hermès Flagship ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบและรังสรรค์ภาพบนหน้าปัดมาจากผ้าพันคอไหมของ Dimitri Rybaltchenko กับภาพของเรือใบที่กำลังแล่นฝ่าเกลียวคลื่นซึ่งเต็มไปด้วยรายละเอียดและสีสันจากงานวาดภาพย่อส่วนและงานแกะสลักทองบนหน้าปัดอะเวนจูรีน นาฬิกาข้อมือรุ่นนี้มาพร้อมกับความคลาสสิกของดีไซน์ตัวเรือนทรงกลมมนและเน้นความบางพิเศษอันเป็นผลลัพธ์มาจากการติดตั้งด้วยกลไกจักรกลบางพิเศษเช่นกัน

แม้ว่าจะมากับ 3 ดีไซน์ที่แตกต่างกัน แต่นาฬิกาข้อมือทั้ง 3 รุ่นนี้ต่างก็สะท้อนถึงหัวใจหนึ่งเดียวกันอย่างชัดเจน นั่นคือความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของงานออกแบบอันสร้างสรรค์ที่จะอยู่เหนือกาลเวลาเสมอ
Photo: Courtesy of Hermès