ก่อนโชว์คอลเล็กชั่น Spring/Summer 2024 ของ Gucci งานเดบิวต์ของผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์คนใหม่นาม Sabato De Sarno (ซาบาโต เดอ ซาร์โน) จะมีขึ้นเพียงหนึ่งวัน ทางเฮาส์ได้ออกมาประกาศเปลี่ยนสถานที่จัดโชว์กะทันหันเพราะการพยากรณ์สภาพอากาศคาดการว่าจะมีฝนตกหนัก จากเดิมที่จะจัดกันในย่านที่ให้บรรยากาศงดงามอย่าง Brera (เบรรา) เป็นส่วนหนึ่งของเขต Centro Storico (เชนโตร สโตริโก) ที่ตั้งของแกลเลอรี Pinacoteca di Brera (ปินาโคเตก้า ดิ เบร์รา) และคอลเล็กชั่นผลงานศิลปะอิตาเลียนอายุเก่าแก่กว่าร้อยปี รวมทั้งโบสถ์ Santa Maria del Carmine (ซานตา มาเรีย เดล คาร์มิเน) จากศตวรรษที่ 15 มาเป็นฐานทัพใหญ่ของแบรนด์ ‘The Gucci Hub‘

การตัดสินใจเปลี่ยนสถานที่จัดโชว์กะทันหันแบบที่แขกบางส่วนยังไม่ทันตั้งตัวนี้กลับทำให้ผมรู้สึกชื่นชมสองประการ ประการแรกคือการคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยของทีมงานและผู้เข้าชม อีกประการคืองานเดบิวต์ของ Sabato จะได้มีขึ้นในบรรยากาศแบบ Gucci ขนานแท้ เสน่ห์และความขลังของสถานที่จัดโชว์จะช่วยขับให้คอลเล็กชั่นแนวมินิมัลของเขาเด่นชัดขึ้นกว่าการที่จะถูกบรรยากาศย่านดังกลบ หรือต้องมาคอยพยุงงานสร้างสรรค์จากจิตวิญญาณของผู้นำทัพคนใหม่ ผู้ชมจะได้โฟกัสไปที่ตัวชิ้นงานและสัมผัสถึงขีดความสามารถว่าเขาผู้นี้เหมาะจะเข้ามาคุมบังเหียนแบรนด์เก่าแก่อายุ 102 ปี ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศอิตาลีหรือไม่
ก่อนหน้านี้คอแฟชั่นทั้งที่อินไซด์และไม่อินไซด์แต่ติดตามความเคลื่อนไหวในโลกแฟชั่นอย่างต่อเนื่องก็คงจะพอเดาได้ว่าทิศทางใหม่ของเฮาส์หลังนี้คือสร้างสรรค์ผลงานสไตล์มินิมัล เพื่อล้างภาพจำชนิด ‘ยิ่งมากยิ่งดี’ ของผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์คนเก่า และเป็นแนวถนัดของ Sabato แต่ความน่าสนใจที่ชวนให้คิดตามคือเจ้ามินิมัลที่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด และไม่ไปซ้ำหรือดูย่ำอยู่กับภาพจำของความสำเร็จกับงานมินิมัลในคลังอาร์ไครฟ์ของครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนดังในอดีต


Gucci SS99 โดย Tom Ford และ Gucci SS24 โดย Sabato De Sarno
โดยเฉพาะกับ Tom Ford (ทอม ฟอร์ด) ผู้ปัดฝุ่นมินิมัลฉบับยุค ’70s สไตล์ Halston มาปะทะกับความแกลมปนเซ็กซี่ฉบับสาวร้อนรัก และทำให้ Gucci กลายเป็นแบรนด์ฮ็อตที่สุดของโลกแฟชั่นในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990s แถมช่วง 2 ปีมานี้ Alessandro Michele (อเลสซานโดร มิเคเล่) ผู้นำทัพคนก่อนหน้าก็ปัดฝุ่นหลายลุคเด่นจากยุคฟอร์ดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเพื่อจะไม่ให้ดูช้ำจนเกินไป Sabato จึงจำเป็นต้องหาทิศทางใหม่และเราก็ได้เห็นในเดบิวต์คอลเล็กชั่นนี้ … แล้วตัวเลือกที่เขานำมาใช้ก็คือแฟชั่นมินิมัลสไตล์ยุค ’90s แฟชั่นฉบับสาวชาวเมืองผู้รักการใช้ชีวิต โดยได้บอกใบ้เอาไว้ตั้งแต่บัตรเชิญที่มาพร้อมกับแผ่นเสียงเพลง Show Me Love ของ Robin S. ที่รายการแฟชั่นในยุคนั้นนิยมใช้


Gucci SS20 โดย Alessandro Michele และ Gucci SS24 โดย Sabato De Sarno
คอลเล็กชั่น Gucci Ancora (กุซซี่ อันคอรา) เปิดศักราชใหม่ของแบรนด์แฟชั่นระดับยอดพีระมิดประกอบด้วยผลงานสองส่วน ส่วนแรกคือการสดุดีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ หนึ่งในผลงานชิ้นดังที่ผมประทับใจเป็นพิเศษคือเสื้อแขนกุดเอวลอยปักพลอยหลากสี เป็นการปัดฝุ่นชิ้นเด่นจากคอลเล็กชั่นฤดูร้อน 1999 ของ Gucci ยุค Tom Ford อีกคอลเล็กชั่นระดับตำนานที่เคยสร้างบทสนทนาด้วยยีนส์อุตสาหกรรมที่มีราคาสูงที่สุดในโลก และวัสดุเนื้อมันวาวที่ทำให้นึกถึงสาวเฟติชในยุคของมิเคเล่ และอีกส่วนคือเสื้อผ้าสำหรับสาวชาวเมือง ซึ่งหลายชิ้นอย่าง ฮูดดี้ตัวโคร่ง แจ็กเก็ตโอเวอร์ไซซ์ หรือแม้แต่กระเป๋า ผู้ชายอย่างเราๆ ก็สามารถใช้ได้
“ผมถ่ายทอดความรื่นรมย์และสุนทรียภาพแห่งชีวิต” – Sabato นิยามคอลเล็กชั่น Gucci Ancora ที่ว่าด้วยเรื่องจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ การได้ดื่มด่ำกับความงดงามของโลกใบนี้ แม้ Gucci เป็นแบรนด์หรูของอิตาลี แต่จิตวิญญาณของเฮาส์หลังนี้คือการสร้างสรรค์ผลงานสำหรับทุกๆ คนบนโลก ทุกคนที่เปี่ยมด้วยแรงปรารถนา กล้าหาญ และสวมเสื้อผ้าของ Gucci ที่สะท้อนตัวตนเพื่อออกไปผจญกับโลกกว้าง เขาชื่นชมอิสรภาพแห่งการใช้ชีวิตที่สะท้อนผ่านการแต่งกาย และเสน่ห์ของผู้คนอันหลากหลายซึ่งพบเห็นในชีวิตประจำวัน พวกเขาเหล่านั้นมอบความรู้สึกคล้ายกับการได้ชมภาพถ่ายเท่ๆ ในพิพิธภัณฑ์ ช่วยสร้างสีสันและเติมเต็มความงดงามให้กับโลก … Sabato สลัดภาพโชว์ดั่งโรงละครบอรดเวย์ของ Alessandro Michele มาเป็นเสื้อผ้าที่เสพได้ง่าย และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในชีวิตจริง
แม้เขาไม่ได้แสดงฝีมือในส่วนคอลเล็กชั่นบุรุษในคราวนี้ แต่ทิศทางใหม่ก็พอทำให้เดาได้ว่าผู้ชายของ Gucci ที่จะเผยโฉมในฤดูกาลหน้านั้นจะเป็นเช่นไร หนุ่มกุชชี่ยุคใหม่พร้อมแล้วที่จะก้าวออกจากโลกแห่งจินตนาการสุดแฟนตาซี มาสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่ทำให้ได้ดื่มด่ำกับท่วงทำนองแห่งชีวิต เพราะทุกย่างก้าวบนโลกใบนี้มีคุณค่าให้จดจำ “ความสุขของผู้คนที่ออกเดินทางท่องโลกหลายต่อหลายครั้ง เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และเติมเต็มชีวิตคือสิ่งที่ผมชื่นชม” Sabato กล่าวเน้นย้ำ และพร้อมจะชักนำให้ผู้คนได้เสพความสุขไปพร้อมกับเขา























































