Words: Suriya Na RCA
Photo: Thanut Treamchanchuchai
สิ่งนี้เป็นมากกว่าการย้ายบาร์มาสถานที่ใหม่ คือจาก #FindThePhotoBooth ที่สุขุมวิทซอย 11 มาเป็น Find the Photobooth ในถิ่นบรรทัดทอง แอเรียเก่าซึ่งกำลังน่าตื่นเต้นด้วยร้านเปิดใหม่ มีไวบ์เรโทรได้อารมณ์ยุค ’70s อย่างไม่ต้องปรุงแต่ง
Find the Photobooth ยังคงเอกลักษณ์ของบาร์ลับ
เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ลี้ลับเท่าไหร่ เพราะมีโลเคชั่นชัดเจนในแอปแผนที่ เพียงพิมพ์ชื่อบาร์ก็เจอ ความลับถ้าจะมีอยู่บ้างก็มีแค่การหาป้าย Find the Photobooth ไม่เจอเท่านั้น เอาเข้าจริง ถ้าคุณหาบูทถ่ายรูปเจออย่างที่เขาระบุไว้ในชื่อบาร์ก็คือหาบาร์เจอแล้ว ที่ต้องลงแรงอีกนิดคือการหาวิธีเข้าในบาร์ ซึ่งก็ไม่ยาก แค่เข้าไปในบูทถ่ายรูปตัวขวาสุด (ที่ใหม่นี้มีบูทถ่ายรูปให้บริการอยู่สี่ห้าตู้) ในบูททางเข้าจะมีคำใบ้นิดหน่อย แค่สองวิก็คิดออก จากนั้นคุณก็ได้เข้าบาร์ละครับ
ก่อนจะเข้าบาร์ คุณอาจสะดุดตากับอาคารซึ่งเป็นที่ตั้ง คือตึกแถวเกือบสามสิบกว่าห้อง ยาวเป็นพรืด บางส่วนเหมือนอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างซึ่งยังไม่เสร็จ บางท่านเอ่ยว่าบางมุมเห็นแล้วชวนให้นึกถึงผับ Demo ในตำนานของย่านทองหล่อ หลายส่วนสร้างใหม่เรียบร้อย ในอาคารซึ่งเข้าใจว่าต่อไปจะใช้ชื่อว่า Sphere นั้น จะแน่นด้วยผับบาร์หลากสไตล์ หลายอารมณ์ ทั้งร้านคราฟต์เบียร์ ผับใหญ่เพดานสูงลิ่วพร้อมเวทีขนาดใหญ่ มีทั้งร้านเหล้าระดับที่เหมาะกับนักดื่มวัยละอ่อน และค็อกเทลบาร์เบอร์พรีเมียมอย่าง Find the Photobooth นี่แหละครับ
Find the Photobooth เน้นความเป็นค็อกเทลบาร์เช่นเก่า
กลับมาที่บาร์ของเรา ที่นี่จะเน้นความเป็นค็อกเทลบาร์เช่นเดียวกับที่เก่า ลองมาดูผู้ร่วมก่อตั้งอันเป็นบุคคลระดับตำนานของวงการค็อกเทลเอเชีย เริ่มที่คอลิน เชีย แห่งบาร์ Nutmeg & Clove สิงคโปร์, ฮิเดสึกุ อูเอโนะ เซ็นเซผู้มาพร้อมกับทรงผมอันเป็นเอกลักษณ์แห่งบาร์ High Five ย่านกินซ่า โตเกียว, นิก วู แห่ง Bar Mood ไทเป และหนึ่ง-รณภร คณิวิชาภรณ์ กับเจนณรงค์ ภูมิจิตร แห่ง ‘มหานิยม’ รับประกันคุณภาพของเครื่องดื่ม การบริการและความบันเทิง พื้นที่บาร์มีเคาน์เตอร์อยู่ด้านใน ทว่าใจกลางมีเวทีของวงดนตรีเป็นหัวใจของบาร์ คุมโทนด้วยสีดำในหลากเทกซ์เจอร์ ทั้งดำด้านและปุ่มปมเม็ดระยับบนเพดาน เก้าอี้เน้นนั่งสบายทั้งอาร์มแชร์ขนาดกะทัดรัดและโซฟายาว
สำหรับ Find the Photobooth แล้ว เครื่องดื่มและเสียงเพลงคือจิตวิญญาณของที่นี่ จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะนำธรรมชาติของเสียงเพลงมาใช้ในการสร้างสรรค์เครื่องดื่ม เมนูค็อกเทลของที่นี่มาเป็นเล่ม สอดมาในกล่องซีดีพลาสติกใส หลัก ๆ คือแบ่งเป็น side A และ side B มาในคอนเซปต์เก๋ ๆ คือเครื่องดื่มไม่ได้ตั้งชื่อ แต่ตั้งเป็นกุญแจเสียง (อธิบายง่าย ๆ ว่าถ้าผิดคีย์เสียงก็จะเพี้ยน ถ้าเปลี่ยนกุญแจเสียงก็เท่ากับแปรประจุของความรู้สึกที่อยู่ในเสียงเพลงให้มีความแปลกใหม่ทางอารมณ์) เปิดเมนูมาหน้าหนึ่งก็จะมีเครื่องดื่มมาเป็นคู่ หนึ่งหน้าอาจจะมีกุญแจเสียง B ด้านขวาเป็น B เมเจอร์ ด้านซ้ายจะเป็น B ไมเนอร์ โดยที่ด้านขวาจะเป็นคลาสสิกค็อกเทล (ชงโดยมีเอกลักษณ์และได้มาตรฐานของ Find the Photobooth) ส่วนด้านซ้ายคือตัวทวิสต์ของคลาสสิกตัวขวา
เราเองชิมมาหลายตัว และที่อยากจะกล่าวถึงมีดังต่อไปนี้ครับ B ไมเนอร์ ทวิสต์มาจาก Boulevardier ซึ่งก็ทวิสต์มาจาก Negroni อีกที (กล่าวคือใช้วิสกี้แทนจิน) จริง ๆ แล้วเป็นเวอร์ชั่นของเนโกรนีที่เราติดใจในกลิ่นและรสของวิสกี้ในเครื่องดื่มสีแดงรสติดขมแห่งเมืองมิลาน พอทวิสต์อีกรอบ คราวนี้กลับมาใช้จินร่วมกับวิสกี้ ใช้ลิเลต์โรเซแทนเวอร์มุท เหยาะบิตเทอร์ส จะได้เครื่องดื่มสกุลไฮบอลซึ่งจิบง่าย และหอมด้วยกลิ่นซิตรัสสามกษัตริย์ของทั้งส้ม มะนาว และเลมอน
ตามด้วย A เมเจอร์ ซึ่งเริ่มด้วยคลาสสิกค็อกเทลอย่าง Aviation (จิน มาราชิโนลิเคียวร์ แครมเดอวิโอเลต และน้ำมะนาว) ขยับกุญแจเสียงมาเป็น A แฟลต เพิ่มวิสกี้ น้ำเชื่อมแอปเปิลที อาร์มาเรตโต ได้สัมผัสนุ่มนวลจากไข่ขาวเชก มีความสวยน่ารักเมื่อเขาสเตนซิลรูปเครื่องบินสีฟ้าสดลงบนฟองไข่ขาวก่อนเสิร์ฟ
อีกคู่หนึ่งคือ D เมเจอร์ อันได้แก่ Salty Dog (จิน วอดก้า กับน้ำเกรปฟรุต) เหมาะอย่างยิ่งแก่การจิบสบาย ๆ ยามเย็น ระหว่างรอความมืดของยามราตรี ไซด์ B ทวิสต์มาเป็น D ชาร์ป จากสีส้มอมชมพูของเกรปฟรุตมาสู่ความเมาใส ๆ จากจิบสบาย ๆ อย่างไฮบอลมาสู่จิตวิญญาณของสปิริตฟอร์เวิร์ด ซึ่งเรียกร้องให้มีสตินิดหนึ่งในการจิบ เปลี่ยนเหล้าเบสจากจินมาเป็นรัม เสริมด้วยลิเลต์บลองก์ เกรปฟรุตที่เพิ่มมิติของรสชาติด้วยสตรอว์เบอร์รีมิลก์พันช์
มีเรื่องเล็ก ๆ อยากจะเตือนคุณ ๆ เนื่องจากชื่อของเครื่องดื่มเป็นตัวอักษร อย่าง B, D หรือ G ตามด้วยคำว่าเมเจอร์ ไมเนอร์ แฟลต ฯลฯ ซึ่งท่ามกลางเสียงดนตรีและความคึกคัก เราว่าฟังค่อนข้างจะยาก เพื่อกันความผิดพลาดในการสั่งเครื่องดื่ม ทางที่ดีก็เปิดหน้าเมนูแล้วใช้นิ้วจิ้มให้น้องที่บาร์ดูจะชัดเจนกว่า ไม่ผิดแน่นอน
คอลิน เชีย หนึ่งในหุ้นส่วนและผู้ก่อตั้งบอกว่า “สำหรับที่นี่นะครับ เราคิดใหม่ โดยไม่ได้จำกัดให้ FTPB เป็นแค่บาร์ คือเราอยากให้ที่นี่เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมด้วย โดยผสมผสานดนตรีชั้นยอดและเครื่องดื่มชั้นเยี่ยมเข้าด้วยกัน” ความบันเทิงด้านเสียงเพลงอยู่ในความดูแลของคริส เชาวลิต ซึ่งจะประสานรวมดนตรีหลากแนวให้เข้ากับประสบการณ์ในบาร์ได้อย่างลงตัวและมีความหมาย ซึ่งเป็นที่มาของการแสดงของแบนด์ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ราว ๆ สามทุ่ม เสียงเพลงและเสียงร้องมาคู่กับเครื่องดื่มซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากทฤษฎีดนตรีที่ Find the Photobooth อะไรมันจะเก๋ขนาดนั้น
เปิดวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 19:00 – 02:00 น.
IG: findthephotobooth.bkk
Facebook: @FindThePhotoBooth