ความมหัศจรรย์ของโลกแฟชั่นเวลานี้ ทำให้ผมสามารถมีสัดส่วนรูปร่าง และกล้ามหน้าท้องได้เหมือนกับ Sam Smith (แซม สมิธ) และ Yugyeom (ยูคยอม) แห่งวง Got 7 … ที่มั่นใจขนาดใช้คำว่า “เหมือน” ไม่ใช่คล้าย เพราะซิกแพคของพวกเราไม่ได้มาจากการคุมอาหาร และออกกำลังกายในท่วงท่าเดียวกัน แต่เกิดจากการสวมชุดพิมพ์ลายศิลปะภาพลวงตาที่เรียกว่า Trompe l’oeil (ทรอมพ์-เลย) จากคอลเล็กชั่นพิเศษ Jean Paul Gaultier x Y/Project ที่ผมขอยกให้เป็นหนึ่งในคอลลาบอเรชั่นแห่งปีที่ผ่านมา
และด้วยความนิยมในผลงานสุดพิเศษครั้งนี้ ทำให้ Glenn Martens (เกลนน์ มาเท็นส์) นักออกแบบเนื้อหอมแห่งยุคตัดสินใจนำ Y/Project แบรนด์สุดฮิปที่เขาดูแลมาร่วมงานกับ Jean Paul Gaultier อีกครั้งในฤดูกาล Spring/Summer 2023 โชว์เทคนิกการสร้างภาพลวงตาเช่นเดียวกับอีกหลายแบรนด์ชั้นนำที่พร้อมกันส่งสัญญาณว่า ทรอมพ์-เลย ได้กลับมาเป็นหนึ่งในแฟชั่นกระแสหลักแล้วจริงๆ



จะว่าไปเทคนิกการรังสรรค์ผลงานแบบ ทรอมพ์-เลย นี้เปรียบได้กับภาพสะท้อน 2 เรื่องจริงที่เราไม่อาจปฏิเสธได้ เรื่องแรกคือแฟชั่นหมุนวนเป็นวัฏจักร ภาพพิมพ์ลายลวงตาแบบที่เคยได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ 1990 (เพราะผลงานของ Jean Paul Gaultier นี่ละ) ก่อนกระแสจะตกลงจนกลายเป็นของเข้าขั้น ‘เชย’ ในช่วง 2 ทศวรรษที่แล้ว กลับมาเป็นที่ได้รับความนิยมอีกครั้ง มีหลายแบรนด์ดังขอเอาใจกลุ่ม Gen-Z ผู้ขับเคลื่อนโลกแฟชั่นยุคใหม่ ที่โตไม่ทัน (หรืออาจยังไม่เกิด) ได้สัมผัสกับความสนุกของแฟชั่นสไตล์นี้ ไม่ว่าจะเป็นงานพิมพ์ลาย ตัดต่อ หรือซ้อนวัสดุเป็นเลเยอร์ ทั้งยังได้ใจคนเสพแฟชั่นเจเนอเรชั่นก่อนหน้าที่โตทันรับรู้และเคยสัมผัส
ถือเป็นการใช้เครื่องแต่งกายและแฟชั่นไอเท็มสนองภาวะถวิลหาความสุขในวันวาน (Nostalgia) เปลี่ยนพลังแห่งความคิดถึงให้กลายเป็นผลกำไรมหาศาล แถมยังสอดคล้องกับสถานการณ์ในช่วงเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ทั่วโลกเริ่มใช้มาตรการการกักตัวในที่พักอาศัยเพราะวิกฤตโรคระบาดตั้งแต่ต้นปี 2020 ทำให้ผู้คนได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองและสิ่งรอบตัว เกิดเป็นภาวะ ‘นอสตัลเจีย’ และเป็นที่มาของการแชร์เรื่องความทรงจำสไตล์ ของเคยฮิตในยุค ’90s … อะไรที่เด็ก ’90s มี … อะไรที่เด็ก ’90s ใช้ และทำให้เราได้เห็นแฮชแท็ก #ถ้าคุณทันนั่นคือคุณไม่เด็กแล้ว บนหน้าฟีดของเพจต่างๆ บนโลกโซเชียล

อีกเรื่องที่สะท้อนผ่านกระจกบานใหญ่ของแฟชั่น ทรอมพ์-เลย คือปัจจุบันนี้ที่โลกถูกขับเคลื่อนด้วยโซเชียลมีเดีย จากการรายงานโดย Global Digital Report มีประชากรโลกใช้โซเชียลมีเดียมากถึง 4 พันกว่าล้านราย! เจ้าสังคมออนไลน์ซึ่งถูกเปรียบเป็น ‘สังคมมายาคติ’ และชุมชนเสมือน นำเสนอทั้งรูปลักษณ์ที่สร้างขึ้นควบคู่ตัวตนที่แท้จริง กระทุ้งให้ผู้ใช้เกิดความรู้สึกอยากมีและอยากเป็นในสิ่งที่เห็นซึ่งตรงกับรสนิยมและความคิดในอุดมคติ บนฟีด Facebook, Instagram และ Twitter โดยมีเรื่องรูปร่างหน้าตา กายภาพ และผิวพรรณเป็นหนึ่งในนั้น
สอดคล้องกับผลสำรวจน่าสนใจโดย Merz Aesthetics ว่าด้วยเรื่อง ‘อิทธิพลของโซเชียลมีเดีย ที่ส่งผลต่อความมั่นใจของผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก’ ประจำปี 2022 จากการสำรวจผู้บริโภคกว่า 4,000 ราย และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามกว่า 380 รายในออสเตรเลีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และไทย ชี้ให้เห็นว่าการลงรูปตัวเองแบบดูดีไร้ที่ติบนโซเชียลมีเดียนำไปสู่มาตรฐานความงามที่ไม่สมจริง ส่งผลกระทบต่อการรับรู้ตนเองและความมั่นใจโดยรวมของผู้คนอย่างมีนัยสำคัญ โดย 80% เชื่อว่าการปรับแต่งรูปภาพให้สมบูรณ์แบบลงโซเชียลมีเดียจะนำมาสู่มาตรฐานความงามที่เกินจริง แต่! … อย่างไรก็ตาม 82% ก็ยังคงโพสต์รูปภาพลงโซเชียลโดยผ่านการปรับแต่งมาก่อน 56% ไม่มั่นใจพอที่จะโพสต์รูปตัวเองโดยปราศจากการปรับแต่ง 73% รู้สึกกังวลหากผู้อื่นเห็นรูปหน้าสดแบบไร้ฟิลเตอร์ และ 93% มองว่าการเข้ารับทำหัตถการความงามจะช่วยให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น ผลสำรวจยังให้รายละเอียดด้วยว่าแต่ละรายจะใช้เวลาเฉลี่ยราว 20 นาทีแก้ไขรูปภาพก่อนจะอัปโหลดลงโซเชียลของตน
บรรดานักออกแบบคนดังจึงผุดไอเดียเกี่ยวกับเรื่องภาพมายา นำเทคนิค ‘การสร้างภาพลวงตา’ มาใช้ ให้ลายพิมพ์ ทรอมพ์-เลย ทำหน้าที่เป็นแอพพลิเคชั่นเสร็จสรรพ ปรับรูปลักษณ์เดิมให้ดูต่างออกไปโดยไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ กับรูปร่างจริง และอีกอย่าง ต่อให้เรารูปร่างดีและอยากอวดความภูมิใจที่กว่าจะได้มามากขนาดไหน ก็ไม่สามารถโพสต์รูปเปลือยของตัวเองลงโซเชียลมีเดียได้ “คุณสามารถเล่นสนุกกับรูป (เปลือย) เหล่านี้ได้บนโซเชียล” – Javier Des Leon (ฮาเวียร์ เดส์ ลียง) นายแบบและคอนเทนต์ครีเอเตอร์แนวอีโรติก ตัวจริงของลายพิมพ์เรือนร่างกำยำที่ทั้งผม Sam Smith และ Yugyeom แห่งวง Got 7 ยืมมาฉาบบนตัวชั่วคราวให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเลี่ยงตัวกรองภาพและเนื้อหาลามกอนาจารของ Facebook และ Instagram แก่ Vogue.com เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
พร้อมทั้งยืนยันเมื่อถูกถามว่ารู้สึกอย่างไรที่เห็นร่างเปลือยของเขาบนท้องถนน? – “ผมภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็กชั่นพิเศษนี้ ขอบคุณ Glenn และทีมงานของเขา … เพราะเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่า” – ซึ่งก็คงเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่าอย่างที่ Javier กล่าวไว้จริงๆ เพราะลายพิมพ์เรือนร่างเปลือยเปล่าชนิดเห็นเจ้าโลกของเขา ได้ขึ้นแท่นอีกชิ้นไอคอนิกและได้รับความนิยมไม่แพ้ผลงานต้นฉบับจากคอลเล็กชั่นฤดูร้อนปี 1996 ของแบรนด์ Jean Paul Gaultier ที่ Robin Williams (โรบิน วิลเลี่ยมส์) ใส่ในปีนั้น และกลายเป็นหนึ่งภาพถ่ายสุดไอคอนิกของโลกแฟชั่นบุรุษ
“บริบทการใช้ลายพิมพ์หุ่นล่ำแบบ ทรอมพ์-เลย ของโกลติเยร์ในปี 1996 กับฤดูหนาวนี้ของ Jean Paul Gaultier x Y/Project มีความเหมือนและต่างกัน” – ป็อป-วรรธกุล นักเขียนแฟชั่นและแฟนคลับของแบรนด์ Jean Paul Gaultier ตั้งแต่ในยุคที่มีร้านของโกลติเยร์บนศูนย์การค้าเกษรพลาซ่าช่วงปลายยุค ’90s – ต้น 2000s อธิบายเรื่องลายพิมพ์ชิ้นไอคอนิก “ตอนนั้น ฌอง-ปอล ต้องการเปิดประเด็นคาบเกี่ยวระหว่างการเปลี่ยนคนใส่ให้ดูเป็นผลงานศิลปะเดินได้ และเปลี่ยนผู้ชายให้กลายเป็น Pin-Up Boys และ Homme Objet (อีกไลน์ของ Jean Paul Gaultier) อีกนัยก็คือเป็นวัตถุทางเพศ ล้อเลียนที่ในอดีตผู้ชายนิยมแปลงโฉมผู้หญิงให้กลายเป็นวัตถุทางเพศด้วยวิธีต่างๆ โดยการแต่งกายเป็นหนึ่งในวิธีที่ผู้ชายนำมาใช้ ซึ่ง ของ Y/Project ไม่ได้เน้นหนักในประเด็นนี้”
“แต่ที่เหมือนกันเลยไม่ว่าจะเป็นยุค ฌอง-ปอล หรือเกลนน์ก็ตาม คือเรื่องภาพฝันในอุดมคติของหนุ่มๆ ที่อยากจะมีหุ่นล่ำราวกับรูปปั้นเทพบุตร เพียงแต่หุ่นล่ำของฌอง-ปอลดูเป็นงานประติมากรรมและหุ่นหนุ่มในฝันของสาวๆ ส่วนของเกลนน์นั้นดูเป็นผู้ชายหุ่นดีที่เห็นได้ในโลกแห่งความเป็นจริง ตื่นมาก็เห็นคนหุ่นดีแบบนี้ได้บนหน้าฟีดเฟสบุค เพราะเขาตั้งใจสะท้อนเรื่องภาพมายาและอิทธิพลจากสังคมออนไลน์ … ทั้งคู่พูดถึงเรื่องภาพมายาเหมือนกัน แต่ต่างกันที่บริบทสังคมต่างยุคสมัย”
จริงอยู่ที่หากเราพูดถึงความหมายโดยตรง ทรอมพ์-เลย คือ ‘ศิลปะการสร้างภาพลวงตา’ โดยเลียนแบบความจริง ศิลปินจะสร้างสรรค์ผลงานให้ดูคล้าย 3 มิติทั้งที่จริงอาจเป็น 2 มิติ ตัวอย่างที่ยกมาแล้วจะเห็นภาพได้ชัดเจนคือ บรรดางานจิตกรรมทั้งของศิลปินที่ถูกติดตั้งตามสถานที่เช็คอินยอดฮิต ตั้งแต่ภาพวาดของบรรยากาศริมหาดที่เมื่อถ่ายลงโซเชียลแล้วจะดูคล้ายกับไปเดินอยู่ในสถานที่แห่งนั้นจริงๆ ไปจนถึง Escaping Criticism งานมาสเตอร์พีซจากศตวรรษที่ 19 เป็นรูปหนุ่มน้อยกำลังจะก้าวออกมาจากกรอบรูปของ Pere Borrell del Caso (เปเร บอร์เรล เดล กาโซ) จิตรกรและนักวาดภาพประกอบผู้โด่งดังในเรื่องการสร้างงานศิลป์ลวงตา แต่สำหรับในโลกแฟชั่น ทรอมพ์-เลย ถูกตีความให้ลึกไปกว่านั้น
แก่นของศิลปะลวงตาที่สวมใส่ได้ไม่เพียงปรากฏในรูปแบบลายพิมพ์อย่างลายเรือนร่างมนุษย์ที่ Jean Paul Gaultier นิยมทำ แต่ยังมาในรูปแบบการหลอกให้ฉงนด้วยสารพัดเทคนิกสุดมหัศจรรย์ ควบคู่กับเทคโนโลยีด้านการผลิตวัสดุที่มีผิวสัมผัสพิเศษ อาทิ แจ็กเก็ตหนังสีเงินเมทัลลิกมันวาวที่ดูคล้ายนำโลหะมาตัดเย็บ และมีรอยไหม้ (ลายพิมพ์) ของ Moschino หรืออย่างการจับผ้าโปร่งเป็นรูปหมอกควันใบหน้ามนุษย์ลอยละล่องอยู่บนเสื้อยืดของ Givenchy ในปี 2013 ผลงานการสร้างสรรค์โดยศิลปิน Benjamin Shine (เบญจมินทร์ ชายน์)


เรื่อง ‘ภาพมายา’ และ ‘การลวงตา’ ในบริบทของสังคมต่างยุคนี่ละครับที่ทำให้ช่วงท้ายบทความ ผมต้องไม่ลืมที่จะกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง แต่อย่างน้อยก็ต้องขอบคุณเจ้าลายพิมพ์ ทรอมพ์-เลย ที่ทำให้มีความสุขได้ชั่วขณะ ได้มีหุ่นซิกแพคอย่างที่ฝัน เอาเป็นว่าวันนี้หุ่นดีที่มีเป็นเพียงภาพลวงตา แต่ก็จุดประกายให้รู้สึกฮึดอยากมีซิกแพคจริงๆ ขึ้นมาอยู่บ้าง ซึ่งสำหรับผมแล้วการสร้างและสะท้อนภาพฝันนี่ละถือเป็นอีกหนึ่งในเสน่ของ ทรอมพ์-เลย ภาพลวงตาที่ฉาบให้เห็นอยู่ตรงหน้า อาจกลายเป็นจริงได้เมื่อภาพที่ว่านั้นคือการสะท้อนความฝันและความต้องการที่อยากให้เกิดขึ้นจริง … ว่าแล้วก็ปักหมุดไว้ว่าปีนี้จะฟิตให้หุ่น (ของจริง) ดีไม่แพ้ Yugyeom และขอปิดท้ายด้วยคอลเล็กชั่นบุรุษประจำฤดูร้อนปี 2023 ของแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่รังสรรค์ผลงานสไตล์ ‘ทรอมพ์-เลย’

