บ่ายวันหนึ่งระหว่างไถฟีดทวิตเตอร์ เราได้เห็นคลิปสั้นๆ ของ #จอสกวิน คลิปมีความยาวไม่มากนัก แต่เคมีของทั้งคู่ทำให้ต้องตามไปดูคลิปเต็ม และนำมาสู่บทสนทนาอันยืดยาวกับสองหนุ่ม จอส-เวอาห์ แสงเงิน และ กวิน แคสกี้ ตั้งแต่คำถามสุดคลาสสิกที่จะทำให้รู้จักตัวตนของพวกเขามากขึ้น ไปจนถึงมุมมองที่มีต่อศาสตร์การแสดง และเป้าหมายที่วาดไว้ในอนาคตบนเส้นทางสายบันเทิง
ปักหมุดความฝันสู่เป้าหมายในอนาคต
จอส: งานแสดงที่ทำอยู่ตอนนี้ก็เหมือนฝันแล้วแหละ เพราะเป็นอาชีพที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ได้พบปะผู้คนมากมาย ส่วนเป้าหมายที่วาดฝันไว้ในอนาคตคืออยากทำสิ่งที่เรารัก อยากใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นๆ อยากใช้เวลาอยู่กับพ่อแม่ในช่วงบั้นปลายของเขา หรืออีกนัยหนึ่งคือ Financial Freedom นั่นเอง
กวิน: ส่วนผมอยากทำผลงานเพลงในแบบที่ตัวเองชอบ พอฟังเพลงของนักร้องยุคเก่าๆ แล้วอินสไปร์มาก ถ้ามีโอกาสก็อยากขึ้นคอนเสิร์ตเดี่ยวที่จัดแสดงกลางฮอลล์ขนาดใหญ่ คงจะสนุกและน่าจดจำ นอกจากนั้นก็อยากพัฒนาฝีมือการแสดง อยากลองเล่นหนังบ้างครับ

ความสนใจใหม่ที่ค้นพบในปี 2025
จอส: อยากเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเติมเพราะผมชอบดูแอนิเมชันมาก ล่าสุดพบว่าสนใจเรื่อง Public Speaking ผมเป็นคนชอบ overexplained รู้สึกว่าช่วงที่ผ่านมาพูดจาวกไปวนมา เลยอยากสื่อสารกับคนอื่นให้เข้าใจกว่านี้ แล้วก็สนใจเรื่องการเต้นและการร้องเพลงด้วยครับ
กวิน: ช่วงนี้กำลังสนใจดนตรีแจ๊ซจากยุคเก่าๆ ผมมองว่ามันเหมือนเป็นรากฐานของการเล่นดนตรีแบบด้นสดและหลอมรวมความหลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน
โมเมนต์ที่เป็นจุดเปลี่ยนชีวิต
จอส: ช่วงที่ได้เข้า GMM มาเป็นนักแสดง ทำให้มีหน้าที่การงาน มีชื่อเสียง มีรายได้จนสามารถดูแลตัวเองและครอบครัวได้ ตอนเล่นละครกับพี่นุ่น-วรนุช แล้วประสบความสำเร็จก็เปลี่ยนชีวิตเราไปในระดับหนึ่งเลยเพราะทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น
กวิน: ของผมน่าจะเป็นตอน ม.ปลาย ช่วงที่ย้ายไปอยู่อเมริกา ตอนนั้นต้องปรับตัวหลายอย่าง พอได้ไปสัมผัสคัลเจอร์ที่แตกต่างจากเดิม แล้วต้องใช้ชีวิตท่ามกลางสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย การได้พบเจอผู้คนใหม่ๆ ที่มีภาษาและวัฒนธรรมหลากหลาย ทั้งหมดมันทำให้เราเกิดการเรียนรู้และต้องปรับมายด์เซตเยอะพอสมควร


เหตุการณ์ที่ทำให้ภูมิใจในตัวเองมากที่สุด
จอส: ตอนที่มีโอกาสได้ดูแลคุณแม่แบบเต็มตัว เราเข้าไปช่วยเคลียร์เรื่องบ้าน และส่งเงินให้เขาใช้ทุกเดือน เรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกภูมิใจที่สุดแล้ว
กวิน: เมื่อก่อนมีครอบครัวคอยซัพพอร์ต แต่พอเราเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วเริ่มหาเงินใช้เอง ก็ทำให้รู้สึกภูมิใจที่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง
ความรู้สึกที่ได้ทำงานร่วมกัน
จอส: รู้สึกว่าโชคดีที่ได้ทำงานกับกวิน ในแง่ของซีรีส์เราผ่านการออดิชั่นกันมาแล้ว เราสองคนมีอะไรคล้ายกันหลายอย่าง พูดภาษาอังกฤษได้ เวลายิงมุกก็เข้าใจกัน แถมยังเล่นบาสด้วย มันยิ่งทำให้ผมสนิทกับเขาเร็วมาก คอนเน็คต์กันง่ายขึ้น มีเรื่องให้คุยกันเยอะ และมักจะพากันไปแฮงเอาต์ตลอด ส่วนใหญ่จะชอบนัดเจอที่สนามบาส บางทีก็ไปร้องคาราโอเกะด้วยกัน
กวิน: ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษา ความชอบ หรือไลฟ์สไตล์ก็พูดไปหมดแล้ว ผมเองก็รู้สึกดีใจนะครับที่ได้ทำงานด้วยกัน ทุกอย่างมันลงตัวเพราะเราสองคนเริ่มโตกันแล้ว มีความรับผิดชอบและตั้งเป้าหมายไว้เหมือนกันทั้งคู่ เวลาทำงานก็สบายใจ ต่างคนต่างต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด


เคยย้อนกลับไปดูผลงานของตัวเองไหม
จอส: หลายครั้งพบว่าตัวเองยังทำได้ไม่ดีพอ ถึงเราจะแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่บางครั้งก็เคยย้อนกลับไปดูเผื่อว่าจะสามารถปรับปรุงตรงไหนในอนาคต
กวิน: ช่วงแรกๆ ผมไม่ค่อยกล้าดูเท่าไหร่ เพราะเราแทบจะไม่มีสกิลทางด้านนี้เลย แล้วไม่เคยไปทำเวิร์กช็อปด้วย แต่พอเวลาผ่านไป ได้เรียนการแสดงเพิ่มเติม ก็ช่วยให้รู้สึกมั่นใจขึ้น เลิกสั่น แล้วเริ่มกลับมาดูผลงานของตัวเองเพื่อแก้ไขจุดที่ยังบกพร่อง อะไรที่ดีเราก็คีพไว้ ตรงไหนที่ยังไม่ดีก็ต้องปรับ ปัจจุบันรู้สึกเอนจอยกับการแสดงมากขึ้น ทำการบ้านเยอะขึ้น ถ้ามีเวลาว่างก็หาหนังหาซีรีส์มาดู
พัฒนาการจากเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน
จอส: ผมเริ่มต้นจากศูนย์ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งจะเป็นนักแสดง พอมีโอกาสก็พยายามทำเต็มที่มาตลอด แน่นอนว่าการแสดงไม่ใช่เรื่องง่าย มันเป็นศาสตร์ที่ไม่มีอะไรผิด ไม่มีอะไรถูก มันเป็นอะไรที่ค่อนข้าง subjective ตอนเข้าวงการมาแรกๆ ผมยังพูดได้ไม่เต็มปากเลยว่าเราคือนักแสดง เพิ่งเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างเมื่อช่วงหลังๆ นี้เองที่ได้เข้าคลาสแอ็กติ้ง ได้อ่านหนังสือ ได้สะสมประสบการณ์ทีละเล็กทีละน้อย มันค่อยๆ หล่อหลอมให้เรารักการแสดง เอนจอยมากขึ้น ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองเป็นนักแสดงเต็มตัวแล้ว


บุคคลสร้างแรงบันดาลใจ
จอส: โชคดีที่ผมโตมาในยุคอินเตอร์เน็ต ทำให้ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างผ่านหูผ่านตาทั้งทาง YouTube และ Podcast คนแรกที่ผมรู้สึกนับถือคงจะเป็น Robert Greene เขาคือคนเขียนหนังสือ 48 Laws of Power และ Laws of Human Nature ซึ่งติดอันดับผลงานเบสต์เซลเลอร์ เนื้อหาเกี่ยวกับ Human Psychology อ่านแล้วช่วยเปิดโลกทัศน์ ทำให้ได้เห็นมุมมองการใช้ชีวิต ทำให้เราเป็นคนช่างสังเกตมากขึ้น
กวิน: เมื่อก่อนคิดว่าตัวเองไม่มี Role Model พอโตขึ้นกลับรู้สึกว่าเรามีมุมที่คล้ายพ่อแม่หลายด้าน พวกเขาอาจไม่ใช่ต้นแบบในทุกๆ เรื่อง แต่ถ้าเป็นทัศนคติเรื่องงาน การสื่อสาร การเข้าหาคน หลายอย่างล้วนเป็นจุดเด่นที่สามารถดึงเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ในชีวิตจริง
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานในวงการ
จอส: สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการทำงานสายอาชีพนี้คือวิธีดีลกับผู้คน รวมถึงการดีลกับความคาดหวังของผู้คนด้วย สิ่งสำคัญที่สุดคือเราอย่าสูญเสียความเป็นตัวเอง เราต้องรักตัวเอง เราต้องดูแลจิตใจตัวเอง และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
กวิน: พื้นฐานผมเป็นคนเงียบๆ ชอบเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยออกไปทำกิจกรรม ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร พอเข้ามาทำงานด้านนี้ก็ต้องปรับหลายอย่าง เมื่อก่อนเวลาเจอคนในตึกก็ไม่กล้าคุย ไม่กล้าทัก เพราะยังไม่รู้จักกัน แต่ตอนนี้ผมรู้สึก comfortable มากขึ้นเมื่อเจอผู้คน สิ่งสำคัญที่ได้เรียนรู้จากวงการนี้ก็คงเป็นเรื่องคอมมิวนิเคชัน และสามารถก้าวข้ามความตื่นเต้นเวลาพูดต่อหน้าคนเยอะๆ บนเวทีได้ครับ

ผลงานโปรเจ็กต์ถัดไป
จอส: ฝากทุกคนติดตามผลงานของเราสองคน ซีรีส์แนวโรมานซ์กึ่งแฟนตาซีชื่อเรื่อง My Golden Blood เลือดของนายลมหายใจฉัน เล่าเรื่องราวความรักระหว่างแวมไพร์กับมนุษย์ งานนี้ดราม่าหนักมาก เศร้าแน่นอน แล้วพวกเราก็มีโอกาสร้องเพลงประกอบซีรีส์ด้วยนะครับ ถือเป็นเรื่องแรกเลยกับการร้องเพลงประกอบซีรีส์ที่ตัวเองเล่น แนวเพลงค่อนข้างฟังสบาย หลายคนบอกว่าฟังแล้วรู้สึกเซ็กซี่ (หัวเราะ) ส่วนตัวผมชอบเพลงนี้มากเลย
กวิน: ขอไม่บอกชื่อเพลงแล้วกัน รอฟังพร้อมกันตอนปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการดีกว่า เนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษ เข้าทางพวกเราเลยครับ
จอส: นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งโปรเจ็กต์เป็นซีรีส์เรื่อง Only Friends : Dream On คาดว่าน่าจะได้รับชมกันตอนช่วงปลายปี 2025 ครับ

