Dries Van Noten วางมือ! โลกแฟชั่นต้องการความสมบูรณ์แบบหรือกำไรมากกว่ากัน?

ข่าวการประกาศวางกรรไกรของ Dries Van Noten (ดรีส แวน โนเทน) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทำเอาหลายคนใจหาย แต่หากถามว่าเกินคาดหรือไม่นั้นต้องขอสารภาพตามตรงว่าไม่เลยครับ เพราะนักออกแบบผู้เป็นที่รักของคนทั่วทั้งวงการรายนี้ส่งสัญญาณบางอย่างว่าเขาเริ่มอิ่มตัวกับอุตสาหกรรมแฟชั่นมาสักระยะ หรืออาจเป็นไปได้ว่าโลกของแฟชั่นในยุคปัจจุบันนั้นไม่หอมหวานและชวนให้เขาสนุกกับมันอีกต่อไป? … แต่ที่แน่ๆ มันทำให้คำถามสำคัญว่าโลกแฟชั่นวันนี้ต้องการความงามของงานสร้างสรรค์อันสมบูรณ์แบบ หรือผลกำไรมหาศาลมากกว่ากัน ดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง

Dries Van Noten สำรวจความเรียบร้อยของผลงานก่อนการแสดงคอลเล็กชั่น Fall/Winter 2024

Dries เป็นพวกที่รักความสมบูรณ์แบบ แม้ในช่วงหลังมานี้เขาไม่ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นความเป็นเพอร์เฟกต์ชั่นนิสต์เหมือนเช่นในอดีตสักเท่าไร แต่ทุกอย่างที่ทำยังคงเสมอต้นเสมอปลาย พิสูจน์ได้จากผลงานและโชว์ที่เจ้าตัวจะต้องเป็นคนตรวจทานทุกขั้นตอนด้วยตัวเองจนกระทั่งนาทีสุดท้าย เขาทำเช่นนี้มาตั้งแต่นำเสนอผลงานแรกในช่วงค่อนปลายทศวรรษที่ ’80s จนถึงวันนี้ และจะยังคงทำมันจนกระทั่งวันที่โชว์สุดท้ายภายใต้การดูแลของ Dries Van Noten เองจะปรากฏให้เป็นประจักษ์ในเดือนมิถุนายน 2024 เราจึงพูดได้อย่างเต็มปากว่านี่คือหนึ่งในนักออกแบบที่ยังปฏิบัติงานตามแบบฉบับยุคที่แบรนด์แฟชั่นดีไซเนอร์เฟื่องฟู ก่อนโลกของกลุ่มนายทุนรายใหญ่จะเข้ามีอิทธิพลต่อการหนดทิศทางอย่างเบ็ดเสร็จเฉกเช่นปัจจุบัน

“นี่คงเป็นการทำให้เราระลึกว่าในบางครั้งการได้เสพอาภรณ์อันงดงามก็เป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่ยากจะลืมเลือน” เป็นดังที่สื่อแฟชั่นเก่าแก่อายุร้อยกว่าปี Women’s Wear Daily กล่าวยกย่องผลงานของ Dries Van Noten เอาไว้ในปี 2018 แม้ผลงานทรงคุณค่าที่ทำให้นึกถึงความยิ่งใหญ่ของโรงแรมหรู Hôtel de Ville และช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของโลกแฟชั่นในยุค ’80s นั้นน่ายกย่องเพียงใด แต่สำหรับ Dries นั่นเป็นเพียงอีกครั้งที่เขาได้ทำในสิ่งที่รัก นำเสนอเครื่องแต่งกายกึ่งงานศิลปะล้ำค่าแม้ดูราวกับอยู่กันคนละโลกกับเสื้อผ้าแนวสตรีตยุคใหม่ เสื้อยืดโอเวอร์ไซซ์สกรีนลายโลโก้ที่กำลังฮอตฮิตอยู่ก็ตาม

Dries Van Noten Womenswear Fall/Winter 2018

“ผมคิดว่าผมเป็นคนรักความสมบูรณ์แบบมากเกินไป และอาจไม่สามารถรับมือกับความรู้สึกผิดหวังที่จะเกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้น ดังนั้นมันคงดีกว่าที่จะกลับบ้านที่แอนต์เวิร์ปในคืนหลังจบโชว์เลย จะได้มีเวลาว่างและมีกะจิตกะใจได้ทำอะไรอย่างอื่นที่ตัวเองชอบ” การให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร ELLE ในปีเดียวกันนั้นเป็นอีกครั้งที่เจ้าตัวยอมรับว่าการเป็นเพอร์เฟกต์ชั่นนิสต์ส่งผลต่ออารมณ์ด้าน ‘ศิลปิน’ จริงๆ แต่ถ้าเป็นผม ก็คงจะรู้สึกอะไรบางอย่างเช่นกันหากได้ทำในสิ่งที่ทรงคุณค่าตามสายตาและการสัมผัสด้วยมือจนเป็นที่ประจักษ์ แต่กลับไม่มีใครให้ความสำคัญและถูกแย่งซีนด้วยแฟชั่นตามกระแสนิยม

Antwerp Six ปี 2013 (ซ้ายไปขวา) Marina Yee, Dries Van Noten, Ann Demeulemeester, Walter Van Beirendonck, Dirk Bikkembergs และ Dirk Van Saene

Dries ไม่เคยหลงลำพองไปกับผลงานและชื่อเสียงของตัวเองซึ่งนั่นทำให้เขาเป็นคนพิเศษ แต่แน่นอนว่าการเป็นคนรักความสมบูรณ์แบบเช่นนี้ย่อมมาคู่กับภาวะไม่เคยรู้สึกพอใจกับผลงานที่นำเสนออยู่บ่อยครั้ง แม้โลดแล่นบนเส้นทางสายธุรกิจแฟชั่นมานานเกือบ 4 ทศวรรษ และนำเสนอผลงานมากกว่า 100 โชว์ภายใต้ประสบการณ์อันโชกโชน แต่ชายผู้ที่ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักออกแบบอิสระ (จากการกดดันของบรรดานายทุนรายใหญ่ก่อนหน้านี้) ที่โด่งดังที่สุดแห่งวงการ แถมยังเป็นที่เชิดหน้าชูตาของ Royal Academy of Fine Arts ในนามของ Antwerp Six กลุ่มนักออกแบบแฟชั่นต้นยุค ’80s ที่ได้รับการถ่ายทอดวิทยายุทธจากสถาบันแห่งนี้ก็รู้สึกว่ายังต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา

Dries Van Noten Womenswear Spring/Summer 2015

เขาพบว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะย้อนกลับไปดูภาพผลงานหลังโชว์นั้นๆจบลง เพราะมักจะมองหาจุดด้อย คอยตำหนิตัว และกระตือรือร้นที่จะแก้ไขมันอยู่เสมอ ซึ่งนั่นละคือคำตอบว่าทำไมผลงานของ Dries Van Noten จึงถูกยกย่องว่า ‘สมบูรณ์แบบ’ ในแง่ของเซนส์ด้านแฟชั่นที่คนทั่วไปสามารถสัมผัสได้ทันที ทั้งรูปทรงที่เอื้อต่อหลากรูปร่างของผู้คน การสร้างฟอร์มหรือซิลูเอตที่ไม่ประหลาดหลุดโลกแต่แปลกตาชวนมอง คุณค่างานหัตถศิลป์ถูกนำเสนอผ่านเทคนิคงานปัก การทอ การตัดต่อ และรูปแบบที่อยู่เหนือกาลเวลา เพราะผลงานของเขาไม่วิ่งตามเทรนด์แฟชั่นชนิดที่ต้องตามติดแบบจี้ท้าย

หนึ่งในตัวอย่างความหลงใหลเรื่องความสมบูรณ์แบบและความถ่อมตัวเห็นได้ชัดเจนอีกครั้งเมื่อราว 5 ปีที่แล้ว ภาพสุดเซอร์ไพรส์ กูตูริเยร์คนดังแห่งยุค ’80s อย่างเมอซิเออร์ Christian Lacroix (คริสติยง ลาครัวซ์) ปรากฏตัวในโชว์คอลเล็กชั่นฝั่งบุรุษฤดูกาล Spring/Summer 2020 ทั้งการสาดไฟสีชมพูฟูเชีย ลวดลายสิงสาราสัตว์ งานลูกไม้ คือการไกด์ไลน์เพื่อไปเฉลยตอนท้ายว่าได้ทำคอลลาบอเรชั่น และเปิดตัวอย่างฮือฮาในคอลเล็กชั่นสตรีฤดูกาลเดียวกันนั้น ถือเป็นอีกบทบันทึกบนหน้าประวัติศาสตร์แฟชั่นที่โลกต้องจดจำ ผมนั่งชมอยู่แถวหน้ารู้สึกตื่นตากับเสื้อผ้าบุรุษที่หรูหราเทียบชั้นกูตูร์ ในขณะตัว Dries เองกล่าวแบบถ่อมตัวหลังจบโชว์ “ผมทราบดีว่าจะสามารถถ่ายทอดความหรูหราให้ผู้คนสัมผัสได้ง่ายอย่างไร แม้เราไม่ได้เป็นห้องเสื้อกูตูร์ แต่ผมก็พยายามทำให้ใกล้เคียงสิ่งนั้น”

Dries Van Noten Womenswear และ Menswear Spring/Summer 2020

เขายังกล่าวถึงการชักชวนเมอซิเออร์ ลาครัวซ์ ที่วางกรรไกรไปนานร่วมทศวรรษพอดี “ถ้าคุณอยากนำเสนอความงดงามของแฟชั่นสไตล์แม็กซิมอลและความหรูหราของอาภรณ์ชั้นสูงแล้วละก็คุณต้องนึกถึงลาครัวซ์!” ทั้งๆ ที่ Dries ก็มีชื่อเสียงและถือเป็นนักออกแบบร่วมรุ่นกับเมอซิเออร์ ลาครัวซ์ แถมด้วยศักยภาพของเขาและทีมช่างก็สามารถรังสรรค์อาภรณ์ที่งดงามสไตล์ ‘เยอะแต่ดูดี’ ได้ไม่แพ้กัน แต่นั่นแหละครับเขามองว่ามันเป็นเรื่องของการยกย่อง เชิดชู และให้เกียรติ เพื่อนพ้องร่วมวงการด้วยกัน แถมถ้าอยากทำให้ ‘ถึง’ สไตล์ที่ว่าก็ต้องเชิญเจ้าแห่งแฟชั่นสไตล์นั้นมาร่วมด้วย เพราะเขาถ่อมตัวเกินกว่าจะกล้าอหังการ์ทำอะไรทับซ้อนใคร การเชิญต้นฉบับมาปะทะกับต้นฉบับจึงเป็นวิธีที่เลือกใช้ … จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาจึงเป็นที่รักของผู้คนมากมาย

Dries Van Noten Menswear Spring/Summer 2023

“อีกไม่นานจะเผยชื่อผู้ที่จะมาสานต่อเรื่องราวของ Dries Van Noten ซึ่งผมเองได้เตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้มาสักพักแล้ว เพราะถึงเวลาที่คนรุ่นใหม่มากความสามารถจะเข้ามาแสดงวิสัยทัศน์ภายใต้ชื่อ Dries Van Noten” แถลงการณ์ของ Dries บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทำเอาผู้คนที่รักเขารู้สึกใจหาย แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้และไม่เกินคาดว่ามันจะต้องเกิดขึ้นหลังเจ้าตัวตัดสินใจขายหุ้นหลักให้ Puig บริษัทผู้ครอบครองแบรนด์น้ำหอมของแฟชั่นเฮาส์ชื่อดังหลายหลัง อาทิ Jean Paul Gaultier, Paco Rabanne และ Nina Ricci ในปี 2018

Dries Van Noten Menswear Fall/Winter 2024

จะว่าไปกรณีนี้ทำให้ผมนึกถึงตอนที่นักออกแบบอารมณ์ศิลปินเช่นเดียวกันอย่าง Manfred Thierry Mugler (แมนเฟรด เทียร์รี่ มูแกลร์) ต้องจำใจให้กลุ่มบริษัท Clarins เข้ามาครอบครองกิจการ ทั้งในเรื่องระยะเวลาที่เมื่อผ่านไป 6 ปีแล้วผู้ก่อตั้งแบรนด์ประกาศวางมือ และเรื่องความอิ่มตัว โดยทั้งคู่ต่างให้เหตุผลว่าถึงเวลาแล้วที่เรื่องราวของแบรนด์จะต้องถูกสานต่อโดยคุณรุ่นใหม่กับวิสัยทัศน์ก้าวล้ำเสียที และแม้วางมือแล้วแต่ทั้งคู่ก็ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับแบรนด์ ดังที่ Dries ให้สัมภาษณ์กับทาง WWD … แต่! หากเอากรณีของทั้ง Manfred และนักออกแบบอีกหลายรายที่เคยประสบสถานการณ์นี้ ต้องรอดูว่าเขาจะยังคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับแบรนด์ได้นานแค่ไหน แต่ไม่ว่าอย่างไรเชื่อว่าแฟนๆ ของคนสร้างสรรค์ที่ชื่อ Dries Van Noten ก็ยังคงให้กำลังใจ โดยติดตามผลงานของนักออกแบบผู้เป็นที่รักรายนี้ตลอดไป

Dries Van Noten Fall/Winter 2018

Similar Articles

More