‘Can Tho’ เมืองรองต้องเที่ยวของประเทศเวียดนาม

Words & Photo: KANT JOMINTA

เกิ่นเทอ (Can Tho) 1 ใน 5 มหานครขนาดใหญ่ของเวียดนาม ตั้งอยู่ทางภาคใต้บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง เป็นเมืองที่มีอัตราการเติบโตเรื่องท่องเที่ยวสูงมาก จุดขายคือการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางน้ำของทั้ง 13 จังหวัดบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง

รัฐบาลเวียดนามมีนโยบายส่งเสริมให้เกิ่นเทอเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของจังหวัดลุ่มแม่น้ำโขง จึงมีฐานะเป็นนครที่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลกลางโดยตรง ได้รับการส่งเสริมพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานอย่างมหาศาล มีแหล่งอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว

การเดินทางสู่ Can Tho

การเดินทางมาเกิ่นเทอ เรานั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปลงที่เมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดอย่างโฮจิมินห์หรือดานัง แล้วต่อเครื่องมาลงเกิ่นเทอ อีกประมาณชั่วโมงหนึ่ง แต่ก่อนหน้านี้เคยมีสายการบินจากไทยบินตรงมาลงเกิ่นเทอได้เลย แต่พอโควิดก็หยุดบินไปแล้วยังไม่เปิดไฟลต์บินตรง ทำให้ต้องใช้วิธีต่อเครื่อง

ช่วงเวลาการท่องเที่ยวใน Can Tho

ช่วงเวลาที่น่ามาเที่ยวจะเป็นเดือนธันวาคม – เมษายน อากาศกำลังดี ส่วนพฤษภาคม อากาศจะเริ่มร้อนแล้ว จากนั้นก็จะเข้าสู่ช่วงหน้าฝนซึ่งไม่ค่อยน่าเที่ยวเท่าไร

เราได้ Lonely Planet มาเป็นไกด์บุ๊กชั้นดีสำหรับการท่องเที่ยวในเมืองที่มีศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และยังไม่มีสิ่งเร้ามากวนใจมากนัก ทริปนี้จึงได้ไปเที่ยวทั้งทางบกและทางน้ำ เพราะเกิ่นเทอมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่น่าสนใจ 

การคมนาคมใน Can Tho

จะเดินทางไปไหนในเกิ่นเทอเรียก Grab ได้ ถือเป็นจุดขายเลยนะ พอมีรถรับส่งแบบนี้ก็เที่ยวสบาย แถมราคาก็ไม่แพงอีกด้วย เราเลยเรียก Grab ไปในหลายจุด อยากจะไปไหนก็ปักหมุดเรียกได้เลย คุ้มงบได้สบาย ๆ

ยกตัวอย่าง ถ้าเรียก Grab จากสนามบินเข้ามาในตัวเมืองก็จะตก VND 120,000-150,000 หรือประมาณ 150-250 บาทต่อคัน อัตราแลกเปลี่ยนเทียบง่ายๆ VND 10,000 = 15 บาทไทย

‘ไคราง’ ตลาดน้ำที่ใหญ่ที่สุด (Cai Rang Floating Market)

เป็นตลาดน้ำตอนเช้าที่มีชื่อเสียงมาก อาจจะต้องยอมตื่นเช้าหน่อยเพื่อมาชมบรรยากาศตลาดกลางแม่น้ำ เราใช้วิธีเหมาเรือจากโรงแรมในราคา VND 850,000 (ประมาณ 1,200 บาทต่อลำ) สินค้าส่วนใหญ่ที่ขายในตลาดน้ำไครางก็จะเป็นผลิตผลทางการเกษตร จำพวกผัก ผลไม้ อาหารและเครื่องดื่มโดยตลาดจะเริ่มคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้ามืด เริ่มวายในช่วงสายไม่เกิน 10 โมงเช้า

ล่องเรือไปเที่ยวโรงงานทำเส้นก๋วยเตี๋ยว (Rice Noodle Factory)

จากนั้นก็นั่งเรือเข้าคลองต่อไปยังโรงงานทำเส้นก๋วยเตี๋ยว Sau Hoai เป็นโรงงานที่แปรรูปข้าวมาเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เรากินกันในโรงแรมหรือร้านอาหารทั่วไปนี่แหละ มีการสาธิตขั้นตอนวิธีการทำให้นักท่องเที่ยวได้ชม เราก็สามารถเข้าเวิร์กช็อปทำเส้นก๋วยเตี๋ยวเวียดนามได้ฟรี ตั้งแต่เวลา 7:00-18:00 น.

ตลาดกลางคืน (Can Tho Night Market) 

ตลาดกลางคืนคึกคักดี คนเยอะมาก มีทั้งร้านขายเสื้อผ้า ของที่ระลึกต่าง ๆ ร้านกาแฟนั่งชิลล์ รวมไปถึงร้านขายอาหารแบบ Street Food มีเมนูน่าลองหลายร้านเลย ในตลาดกลางคืนถ้าเดินมาอีกหน่อยจะเจอร้านกาแฟ โคมไฟเยอะ ๆ Cho Co Cafe’ เป็นมุมเก๋ ๆ กลางเกิ่นเทอ แวะมาถ่ายรูปกันได้ ยิ่งถ้าขึ้นมาชั้นสองแล้วถ่ายจากมุมสูงยิ่งสวย 

มาเวียดนามต้องกินเฝอ เจอเป็นไม่ได้ ต้องขอเข้าไปลอง เพราะชอบมาก ซุปหอมหวาน ไปเจอร้านเฝอปู เฝอล็อบสเตอร์ ที่นี่เรียกว่า Noodle Crab ร้านนี้อยู่หน้าสวนสาธารณะ แถวตลาดกลางคืน จุดเด่นของร้านนี้คือน้ำซุปสีเข้มข้น พร้อมปูและกุ้งทั้งตัวใส่ลงไปในชาม กินกับเส้นบะหมี่นุ่ม ๆ ซุปเข้ม ๆ แบบไม่ต้องปรุงก็เข้ากันได้ดี ราคาตามไซส์ของกุ้งและปู อยู่ที่ประมาณ VND 200,000-300,000

เดินไปไม่ไกลมีร้านขายขนมปังบาแกตต์ หรือขนมปังฝรั่งเศสที่ดังที่สุดในเกิ่นเทอ ชื่อว่า ‘Banh Canh Minh Thu’ ไปถึงหน้าร้านก็เห็นคนต่อแถวเยอะมาก ยืนดูคนขายทำก็เพลินดี ทำเร็วมาก แป๊บ ๆ ก็ได้ละอันหนึ่ง แต่ละคนสั่งกันหลายอัน  ขนมปังกรอบและหอมมาก สดใหม่จากเตา ไส้ก็แน่นดี ส่วนซอสที่ราดมาอร่อยมาก (น่าจะบอกว่าเพิ่มซอสอีกหน่อย) แถมราคาไม่แพง 15,000 ดอง

สะพาน Ninh Kieu quay and Pedestrian Bridge

แลนด์มาร์กของเมืองเกิ่นเทอ ตัวสะพานออกแบบมาได้ทันสมัยมาก ๆ ยามค่ำคืนสะพานจะเปิดไฟประดับสีสันสวยงาม เราจะพบกับผู้คนมากมายที่พากันออกมาเดินเล่นชมบรรยากาศกัน มองออกไปในแม่น้ำ เห็นเรือใหญ่ที่พาคนไปกินข้าวล่องแม่น้ำ แล่นกันขวักไขว่ ใกล้กันมีอนุสาวรีย์โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Monument) ให้มาถ่ายรูปเล่นเป็นที่ระลึก

วัดอ๋อง (Ong Temple) 

บางคนเรียกอ่อง เป็นวัดสถาปัตยกรรมจีน ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำ สร้างมาตั้งแต่สมัยปลายศตวรรษที่ 19 เพื่อบูชา Kuan Kung ซึ่งเป็นเทพสัญลักษณ์แห่งความภักดี ความฉลาดหลักแหลม มีเหตุผล มีความยุติธรรม มีเกียรติและความกล้าหาญ บริเวณด้านซ้ายและขวาของเทพขนาบด้วยเทพแห่งโชคลาภ โดดเด่นเรื่องการเงิน และเทพแห่งดินคอยให้ความคุ้มครองความปลอดภัย ตลอดทั้งวันจะมีผู้คนมาไหว้ไม่ขาดสาย วัดอยู่ไม่ไกลจากสวนสาธารณะโฮจิมินห์เกิ่นเทอมากนัก เดินได้สบาย ๆ

บ้านโบราณ Binh Thuy Ancient House 

สร้างมาตั้งแต่ปี 1870 เจ้าของบ้านเป็นคหบดีที่ร่ำรวยมากในยุคนั้น มีแนวคิดจะสร้างสถาปัตยกรรมร่วมสมัยที่เชื่อมโยงโลกตะวันตกกับตะวันออกเข้าไว้ด้วยกัน จึงเป็นการผสมผสานระหว่างสไตล์โคโลเนียลและสไตล์เวียดนามไว้อย่างลงตัว ทาสีเหลืองสดใส ตัดสลับกับหน้าตาสีเทอร์ควอยซ์ ตกแต่งแบบโบราณ ตอนนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกแห่งชาติของเวียดนาม เคยใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ‘The Lover’ หนังรักสุดคลาสสิก เรื่องราวความรักของนักธุรกิจชาวจีนและสาวชาวฝรั่งเศส ฉากหลังเป็นเวียดนามสมัยยังเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส เพราะความสวยงาม เรื่องราว และเอกลักษณ์

เกิ่นเท เป็นเมืองเที่ยวได้ เมืองเที่ยวง่าย ใช้เวลาสัก 3 วัน 2 คืนกำลังดี เราไปเรื่อย ๆ ไม่รีบ ค่าครองชีพก็ไม่ได้แพงมาก อาหารค่อนข้างถูกปาก อยากกินผักสด ซีฟู้ดสด ๆ ที่นี่มีหมด

Similar Articles

More