Words & Photo: Kant Jominta
ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าเรือท่องเที่ยวแบบนี้ดูน่าเบื่อ คงจะมีแต่คนแก่และไม่สนุก แต่นี่อาจจะเป็นครั้งแรกของเรากับการล่องเรือสำราญท่องเที่ยวที่ฉีกทุกกรอบความคิด ที่เลือกขึ้นเรือ ‘Club Med 2’ ก็เพราะเป็นเรือยอชต์แล่นใบที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดเรือ 386 ที่นั่ง จุดขายคือความหรูหราสไตล์ French Riviera บนเรือไม่มีคาสิโน ไม่มีสนามบาส สนามเทนนิส ไม่มีห้างให้ช็อปปิ้ง ยกเว้นบูติกเล็กๆ ของ Club Med เอง
ทริปการเดินทางสู่ ‘Club Med 2’
แต่ละทริปจะมีจุดขึ้นเรือไม่เหมือนกัน ดังนั้นเราซื้อทริปเส้นทางไหนให้ดูจุดขึ้นเรือด้วยว่าเดินทางสะดวกไปหรือไม่ ทริปของเราต้องไปขึ้นที่ท่าเรือ Palermo อิตาลี จะต้องมาถึงท่าก่อนเวลาเรือออกคือ 4 ทุ่ม เราใช้วิธีนั่งเครื่องจากกรุงเทพฯ มาลงที่มิวนิก (การบินไทยช่วงนี้ยังไม่เปิดบินอิตาลี) ตอนเช้า แล้วต่อเครื่องจากมิวนิกมา Palermo ได้เลย มีไฟลต์ของ Lufthansa ถึงเวลาเที่ยงพอดี
เราจะล่องเรือจากเมือง Palermo ไปตามทะเลไอโอเนียน ตอนกลางเมดิเตอร์เรเนียน จากทางแคว้น Sicily ทางตอนใต้ของอิตาลี ผ่านช่องแคบข้ามไปยังกรีซก่อนจะกลับมาปิดท้ายที่ท่าเรือเมือง Brindisi ของอิตาลี ภายในเรือตกแต่งอย่างหรูหราด้วยพื้นไม้สัก ห้องนอนสำหรับ 2 คน เป็นห้องแนวลึก แบ่งออกเป็นส่วนพักผ่อนมีเตียงนอนอยู่ด้านใน ถัดมาเป็นตู้เก็บของและตู้เสื้อผ้า มีมินิบาร์ โต๊ะเครื่องแป้ง กระจกเงาบานใหญ่ ชั้นแขวนทีวี และมีห้องน้ำในตัว ถือว่าครบครันดี
จุดเด่นของ ‘Club Med 2’
ไฮไลต์ที่ชอบเลยก็คือชีวิตแบบ Digital Nomad ให้เราได้ใช้บนเรือเป็นสถานที่ทำงาน ดังนั้นวิวออฟฟิศเคลื่อนที่จะเปลี่ยนไปในทุกวัน หอบ MacBook มานั่งทำงานบนชั้นดาดฟ้า เชื่อมต่อไวไฟได้สบายเลย พร้อมกับจิบเครื่องดื่มเบาๆ เรียกเสิร์ฟได้ตลอดทั้งวัน
บนเรือมีสระว่ายน้ำ 2 แห่ง ให้เราว่ายแล้วมองผ่านออกไปเห็นทะเล มีเก้าอี้อาบแดดที่เลือกใช้ผ้าในเฉดสีที่ให้ฟีลทะเล ชายหาด ไม่ว่าจะสีฟ้า เทอร์ควอยซ์ เหลือง ครีม และชมพู วางไว้เรียงราย เป็นเรือที่เหมาะแก่การพักผ่อนสบายๆ นั่งจิบแชมเปญแกล้มชีสสไตล์ปารีเซียง นอนอ่านหนังสือ มองท้องฟ้า ชมวิวทะเลที่เรือล่องผ่านราวกับงานอาร์ตในแกลเลอรีที่มีชีวิต
แต่ละวันจะมีธีมการแต่งตัวที่แตกต่างกันไปให้เป็นกิมมิก ซึ่งก็จะมีการแจ้งตั้งแต่ก่อนเดินทางว่าให้เราจัดเตรียมเสื้อผ้าร่วมปาร์ตี้ในแต่ละคืน เช่น ธีมชุดขาว-ฟ้า ธีมนีออน เน้นสีสดใส บางวันเป็นชุดสูทหรูสีขาว จุดขายของ Club Med 2 คือเรื่องอาหารและเครื่องดื่มแบบ All-Inclusive ไม่ต้องจ่ายเพิ่มและยังมีกิจกรรมให้ลองร่วมสนุกเยอะมาก ส่วนใหญ่จะฟรี เช่น Nautical Hall แต่ก็อาจมีบางกิจกรรมที่เสียเงินเพิ่ม เช่น Excursion
ตอนเย็นของทุกวันก็จะเป็น Pre-Dinner มีปาร์ตี้เล็กๆ ให้เราได้นั่งชิลล์กันบริเวณดาดฟ้าท้ายเรือซึ่งมี 3 ชั้น มีนักร้องมาขับกล่อมบรรเลง พร้อมกับอาหารเครื่องดื่มเสิร์ฟไม่อั้น เรียกน้ำย่อยก่อนไปดินเนอร์กัน บรรยากาศ Vibes สุดๆ มองเห็นพระอาทิตย์ตกกลางทะเลทุกวัน
ห้องอาหารหลักมีด้วยกัน 2 ห้อง ตกแต่งสวยจนนึกว่านั่งกินอยู่ที่ปารีส เมนหลักเลยคือห้องอาหาร Saint-Tropez เป็นไลน์บุฟเฟต์ที่เน้นความหรูหราแบบเฟรนช์คูซีน ส่วนห้องอาหาร Le Monte Carlo จะเสิร์ฟอาหารแบบไฟน์ไดนิ่ง 3 คอร์ส ซึ่งคัดสรรโดยเชฟจาก Ferrandi Paris เสิร์ฟอาหารเมนูต่างกันไป แต่เน้นความสดใหม่ ดีต่อสุขภาพ และสร้างสรรค์ บางเช้าถ้าเราจอดที่ท่าเรือ เชฟใหญ่จะไปตลาดเพื่อซื้อปลาและผัก เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์สดใหม่ในท้องถิ่น อาหารจะเสิร์ฟพร้อมชีสให้กินคู่กับไวน์และแชมเปญตลอดทั้งคืน
กิจกรรมและจุดพักที่ห้ามพลาด!
เสน่ห์ของการล่องเรือคือการค้นพบจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ในทุกวัน โปรแกรมของเราก็เช่นกัน นอกจากล่องเรือแล้วเรายังได้ไป Excursion เมืองต่างๆ ที่เรือแวะจอด ซึ่งข้อดีของ Club Med 2 ก็คือสามารถเข้าจอดใกล้ท่าได้มากกว่า คนไม่เยอะ รอไม่นาน ไม่ค่อยวุ่นวาย
เราได้ไปเที่ยวหลายเมืองที่น่าสนใจ อาทิ Lipari เมืองท่าที่มีชายหาดที่บริสุทธิ์ และล้อมรอบด้วยน้ำทะเลใสดุจคริสตัล วันต่อมาเรือมาจอดที่เมือง Catane เป็นหนึ่งในเมืองสำคัญของอิตาลี เป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรม ศิลปะ และการเมือง เมืองมีความอุดมสมบูรณ์ด้านศิลปะและประวัติศาสตร์ มีพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร โบสถ์ สวนสาธารณะ และโรงละครหลายแห่ง
แต่ถ้าใครไม่อยากเสียเงินเพิ่มเพื่อออกไป Excursion ก็สามารถพักผ่อนนอนอาบแดดกันอยู่บนเรือได้ มีกิจกรรมเยอะไม่ว่าจะเป็นโยคะ ทำสมาธิ ฝึกลมหายใจ แต่ถ้าสายลุยก็อาจจะรอวันที่ Nautical Hall เปิด หนึ่งในเครื่องเล่นที่หลายคนชอบก็คือ Water-Skiing คนต่อคิวกันเยอะมาก ดูแล้วน่าสนุก แต่เหมาะสำหรับคนที่เคยฝึกและมีทักษะมาก่อนพอสมควร
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ฮิตและเล่นยากคือ wing foil คล้ายวินด์เซิร์ฟ ตัวอุปกรณ์จะมีแค่ใบที่บังคับด้วยสองมือได้ 360 องศา ฟรีสไตล์มาก และใช้บอร์ดแบบพิเศษที่ยกตัวลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ นอกจากนี้ยังมี Sailing, Paddle Board, Kayak, Snorkeling ฯลฯ
หลังมื้อค่ำเป็นช่วงปาร์ตี้ มีการแสดงสลับกันไปในทุกคืน ทั้งดีเจ ร้องเพลง ละครเวที ไปจนถึงโชว์เปียโน ทั้งหมดนี้แสดงโดย GO ร่วมกับแขกรับเชิญตลอดการเดินทาง สร้างความสนุกสนานดี เพลงหรือบทละครที่ใช้จะเป็นภาษาฝรั่งเศสเป็นหลัก อาจจะฟังยากนิดนึงแต่ก็เข้าใจในท่วงท่าและทำนองได้ง่าย
อีกหนึ่งไฮไลต์คือเราได้มีโอกาสเข้าไปชมห้องควบคุมเรือของกัปตันซึ่งจะเปิดให้ลงชื่อเป็นรอบๆ ตื่นเต้นมากและโชคดีที่จองทันในรอบสุดท้าย เพิ่งเคยเห็นห้องบังคับการเรือ เครื่องไม้เครื่องมือเต็มไปหมดเลยครับ กัปตันก็จะคอยเล่าให้ฟังถึงการทำงาน เป็นกิจกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจได้ดี
ต้องยอมรับว่า Club Med 2 เป็นเรือที่มอบประสบการณ์ใหม่ ต่างจากเรือสำราญทั่วไป เหมาะสำหรับคนที่ชอบบรรยากาศแบบ Vibes เน้นพักผ่อนสไตล์ Leisure เสิร์ฟแชมเปญแท้สไตล์ French Riviera เรียกได้ว่าไม่เบื่อเลย มีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก เส้นทางมีหลากหลายเพราะเรือจะแล่นตลอดทั้งปี ทั้งฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนและแคริบเบียน ทริปมีตั้งแต่ 3 วันไปจนถึง 10 กว่าวัน หรือจะล่องยาวเป็นเดือนๆ ไปกับเรือเลยก็ได้ (ถ้าคุณเงินหนาพอ) เหมือนได้ท่องโลกกว้างไปตลอดทั้งปี