หากหลงใหลในห้วงเวลาและดาราศาสตร์ ‘Christiaan Van Der Klaauw’ (คริชเตียน วาน เดอร์ คลาวว์) คือ ผู้นำด้านเรือนเวลาดาราศาสตร์แบรนด์เดียวในโลกที่คุณควรทำความรู้จัก โดยเริ่มจากประโยคสั้นๆ นี้ที่ว่า Astronomy, Time in its purest form แปลว่า ตาราศาสตร์ เวลาในรูปแบบที่บริสุทธิ์ที่สุด ที่มาแห่งแรงบันตาลใจของอะเตลิเยร์นาฬิกาที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในเนเธอร์แลนด์อย่าง คริชเตียน วาน เดอร์ คลาวว์ แบรนด์นาพิกาหนึ่งเดียวในโลกที่ทุ่มเทให้กับการออกแบบและผลิตนาพิกาดาราศาสตร์แบบเอกสิทธิ์เฉพาะบุคคลซึ่งเป็นการผลิตตัวยมือ ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน โดดเด่นเป็นที่รู้จักในต้านนวัตกรรมการแสตงเวลาตามตาราศาสตร์ และสุนทรียะในการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร เมื่อปี 2016 คริชเตียน วาน เดอร์ คลาวว์ ได้รับเกียรตีให้เป็นหนึ่งในรายชื่อแบรนต์ระดับ ‘นาฬิกาชั้นสูง’ ของ Fondation Haute Horlogerie (FHH) ที่มีชื่อเสียงในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อีกทั้งยังไต้รับรางวัลชนะเลิตจากเวทีนาฬิกาอันทรงเกียรติที่สุตในโลn Grand Prix d’Horlogerie de Geneve (GPHG) ในสาขานาพิกาปฏิทินและตาราศาสตร์เมื่อปี 2021
แบรนด์เป็นชื่อเดียวกันกับผู้ก่อตั้ง
Christiaan Van Der Klaauw เกิดที่เมืองไลเดน (Leiden) เมื่อปี 1944 เมืองเดียวกับที่นักวิทยาศาสตร์ชาวตัตช์ผู้มีชื่อเสียงที่สุดแห่งยุด Christiaan Huygens (ริชเตียน ฮาวเคิน) ได้มาศึกษาที่นี่เมื่อปี 1645 วาน เตอ คลาวว์ ได้เข้าศึกษาที่ School for Instrument Makers (Lis) ที่เมืองไลเตินแห่งนี้ หลังจากเรียนจบหลักสูตรช่างทำนาฬิกา เขาย้ายไปที่เมือง Joure ในปี 1967 และเริ่มทำงานในบริษัทผลิตนาพิกาตั้งพื้นโบราณทรงสูง (Friesian grandfather clocks) แบบดั้งเดิม
ปี 1974 วาน เตอร์ คลาวว์ เริ่มก่อตั้งธุรกิจของตนเองและนำเสนอนาฬิกาเรือนแรกของเขาที่มาพร้อมกับกลไกทางดาราศาสตร์ ก่อนที่ในปี 1989 เขาจะได้เข้าเป็นสมาชิกผู้ทรงเกียรติของ Swiss Academie Horlogere des Createurs Independants (AHC) ซึ่งสมาชิกแต่ละท่านล้วนมีแต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการประดิษฐ์นาพิทาที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็น Vincent Calabrese, George Daniels, ฟรองซัวส์-ปอa ฌูรน์ (Fransois-Paul Journe) และแฟรงค์ มุลเลอร์ (Franck Muller) เป็นต้น และในปี 1992 นาฬิทา Pendule Variable ของเขายังได้ครองรางวัลชนะเลิศด้านการออกแบบกลไกที่มีนวัตกรรมล้ำเลิศที่สุด ที่เมืองบาเซิล สวิตเซอร์แลนต์
สองปีต่อมา เขาเริ่มสร้างสรรค์นาฬิกาข้อมือเรือนแรก CVDK Satellite du Monde เปิดตัวเมื่อปี 1996 นอกจากแสตงเวลาวัน และวันที่แล้ว ยังมาพร้อมฟังก์ชั่นบอกข้างขึ้นข้างแรม เวลากลางวันและกลางคืน และตำแหน่งบนโลกที่เป็นเวลาเที่ยงวัน ณ ขณะนั้น เป็นนาฬิกาที่สวยสง่งามและมีชื่อเสียงมาจนทุกวันนี้ จากนั้นในปี 1999 เขาได้นำเสนอผลงานมาสเตอร์พืช CVDK Planetarium ที่จำลองการแสดงเวลาตามท้องฟ้ในรูปแบบจักรกลที่เล็กที่สุตในโลก นับว่าการสร้างสรรค์นาฬิกาข้อมือนี้เป็นจุดเริ่มตันของการเข้าสู่บทใหม่ในชีวิตของเขา
บทใหม่พร้อมสองดีไซเนอร์คนเก่ง
ปี 2009 บทใหม่ของ คริชเตียน วาน เดอร์ คลาวว์ ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อเขาเข้าวัยเกษียณและตัดสินใจขายบริษัทของเขาให้แก่ตระกูล Reintjes โดยดีไซเนอร์ชาวดัตช์ Daniel Reintjes เป็นผู้เข้ามาเทคโอเวอร์บริษัท แดเนียลรู้จักกับคริชเตียนมาเป็นเวลาหลายปี ย้อนไปตั้งแต่สมัยที่เขาเคยขอให้ริชเตียนทำนาฬิกาสำหรับดีไซเนอร์แบรนด์ของเขาอย่าง ‘Dark Rush’ และหลังจากมิตรภาพและความร่วมมือของพวกเขายาวนานมากว่า 1 ทศวรรษ Daniel Reintjes ก็กลายมาเป็นเจ้าของบริษัทคนใหม่ ร่วมกับ Maria Reintjes
สองดีไซเนอร์คู่นี้ได้ทำการปรับทิศทางของแบรนด์ (repositioning) ใหม่ทันที ในฐานะผู้อำนวยการคนใหม่ ทั้งคู่ตัดสินใจที่จะโฟกัสนาฬิกาดาราศาสตร์เป็นพิศษ และได้เพิ่มคำว่า ‘Astronomical Watches’ หรือ ‘นาฬิกาดาราศาสตร์เข้ามาต่อท้ายชื่อบริษัท พวกเขานำเสนอคอลเลกชั่นใหมที่มาพร้อมฟังก์ชั่นอันน่าทึ่งที่เกี่ยวกับท้องฟ้า หนึ่งในนั้นคือนาฬิกามาสเตอร์พีซอย่าง CVDK Real Moon series ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นบอกข้างขึ้นข้างแรมแบบสามมิติที่แม่นยำที่สุดในโลก
นอกจากนี้ ยังมีนาพิกามาสเตอร์พืซสุดพิเศษอีกสองเรือนที่ถูกพัฒนาขึ้นแบบเอ็กซ์ดลูซีฟสำหรับเมซงจิวเวลรี่ชั้นสูง แวนคลีฟแอนด์อาร์เปลส์ (Van Cleef & Arpels) ได้แก่ รุ่น ‘Midnight Planetarium’ ในปี 2014 และรุ่น ‘LadyArpels Planetarium’ ในปี 2018 ซึ่งเป็นเรือนที่ได้รับรางวัลชนะเลิตอันทรงเกียรติ GPHG ในปี 2018 เช่นกัน
แดเนียล และมาเรียได้เปลี่ยนรูปแบบบริษัท CVDK มาเป็นอะเตลิเยร์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็ถือเป็นแห่งเดียวในโลกที่อุทิศสำหรับการสร้างสรรค์นาฬิกาดาราศาสตร์ที่ผลิตด้วยมือสุดประณีต
ในปี 2016 บริษัท CVDK ได้รับเกียรติให้เข้าเป็นหนึ่งในรายชื่อของอะเตลิเยร์แห่งนาฬิกาชั้นสูง (Haute Horlogerie atelier) ของ Fondation Haute Horlogerie (FHIH) ซึ่งมีเพียง 65 แบรนด์นาฬิกาลักซัวรี่ไนโลกเท่านั้นที่สามารถอ้างสิทธิ์ใช้คำว่า ‘Haute Horlogerie’ หรือแบรนด์นาฬิกาชั้นสูงได้อย่างแท้จริง
ปี 2021 แดเนียลและมาเรียได้รับเกียรติสูงสุดจากเวทีรางวัล Grand Prix d’Horlogerie de Geneve (GPHG) ซึ่งเปรียบได้กับรางวัลออสการ์แห่งวงการนาฬิการะดับโลก โดยมอบรางวัลชนะเลินาพิกาปฏิทินและดาราศาสตร์ที่ล้ำค่าที่สุดให้แก่นาฬิกา CVDK Planetarium Eise Eisinga
เอกลักษณ์ตัวตนของ CHRISTIAAN VAN DER KLAAUW
การออกแบบอันโดดเด่นที่บ่งบอกตัวตนของแบรนด์ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2009 โดยมีแรงบันดาลใจจากความหลงใหลในดาราศาสตร์ คุณลักษณะหลักที่โดดเด่นของนาพิกา CVDK คือกลไกทางดาราศาสตร์อันสลับชับซ้อน ซึ่งนาฬิกาแต่ละเรือนจะมาพร้อมกลไกเกี่ยวกับดวงดาวหนึ่งกลไกหรือมากกว่านั้น ทั้งหมดอยู่ในตัวเรือนทรงกลมทำให้ง่ายต่อการจดจำ ทั้งยังสามารถดูเข็มบอกชั่วโมงเหนือเสันขอบฟ้ และรายละเอียดทางดาราศาสตร์ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา หน้าปัดนาฬิกาตกแต่งสวยงามด้วยดวงดาวหรือลวดลายลำแสง หากคุณพลิกนาฬิกาดู ก็จะเห็นฝาหลังโปรงใสที่เผยให้เห็นโรเตอร์ CVDK ภายใน ขณะที่ด้นบนจะมีรูปพระอาทิตย์ 12 แฉก ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา แสดงถึงพระอาทิตย์ที่อยู่ตรงศีรษะในเวลาเที่ยงวัน โดยแฉกในภาษาอังกฤษคือคำว่า claw เชื่อมโยงกับคำว่า Klaauw
ไฮไลท์เรือนเวลาสองรุ่นไอคอนิก
CHRISTIAAN VAN DER KLAAUW CVDK Planetarium เรือนเวลามาสเตอร์พีซรุ่นนี้สามารถแสดงเวลาตามท้องฟ้าในรูปแบบจักรกลที่เล็กที่สุดในโลก โดยสามารถแสดงวงโกจรแบบเรียลไทม์ของดาวพุธ (87.97 วัน) ดาวศุกร์ (224.70 วัน) โลก (365.24 วัน) พร้อมทั้งดาวอังคาร (686.98 วัน) ดาวพฤหัสบดี (11.86 ปี) และดาวเสาร์ (29.46 ปี) ที่มีวงโดจรรอบดวงอาทิตย์ พร้อมความเที่ยงตรงในการแสดงเวลาทั้งหมด ซึ่งเขาบอกว่าดาวเสาร์ ดาวเคราะห์ดวงสุดท้ายมีกลไกที่เคลื่อนไหวช้ที่สุดที่เคยมีมาในนาฬิกาจักรกลเลยทีเดียว นาฬิกา CVDK Planetarium Eise Eisinga นี้ ได้รับรางวัลชนะเลิศ Grand Prix d’Horlogerie de Geneve (GPHG) สาขานาฬิกาปฏิทินและดาราศาสตร์ ในปี 2021 ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งถือเป็นรางวัลออสการ์แห่งวงการนาฬิการะดับโลก
CVDK Real Moon Joure เรือนเวลามาสเตอร์พีซรุ่นนี้เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใดร มาพร้อมชุดมูนเฟสที่มีดวงจันทร์ขนาดใหญ่แบบ 3 มิติที่บอกค่าข้างขึ้นข้างแรมได้แม่นยำที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมาในนาฬิกาจักรกล โดยแสดงค่ในระดับความผิดเพี้ยนเพียง 1 วัน ในรอบ 11,000 ปีเท่านั้น รุ่นนี้ได้รับรางวัล European Watch of the Year เมื่อปี 2014
นาฬิกาชั้นสูง (Haute Horlogerie)
แบรนด์ได้รับเกียรติให้เข้าเป็นหนึ่งในรายชื่อของนาฬิกาชั้นสูง (Haute Horlogerie) ของ Fondation Haute Horlogerie (FHH) อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2016 ซึ่งทาง FHH ไต้ทำการศึกษาในจำนวนกว่า 600 แบรนด์นาพิกาเป็นเวลากว่า 3 ปี โดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญ 46 คน ที่มีข้อกำหนดมาตรฐานไว้ 29 ข้อหลัก ๆ และก็ได้คัดเลือกเพียง 65 แบรนด์นาพิกาลักชั่วรี่ในโลกเท่านั้นที่ลามารถอ้างสิทธิใช้ดำว่า ‘Haute Horlogerie’ หรือแบรนด์นาพิกาชั้นสูงได้อย่างแท้จริง
รางวัลชนะเลิศอันทรงเกียรติ Grand Prix d’Horlogerie de Geneve
ปี 2021 คริชเตียน วาน เดอร์ คลาวว์ ได้รับรางวัลชนะเลิศ Grand Prix d’Horlogerie de Geneve (GPHG) ซึ่งถือเป็นเวทีอันทรงเกียรติที่สุดระดับโลก เปรียบได้กับรางวัลออสการ์แห่งวงการนาฬิกา โดยรุ่น Christiaan van der Klaauw CVDK Planetarium Eise Eisinga ได้รับรางวัลนาพิกาปฏิทินและดาราศาสตร์ นาฬิกาชั้นสูงชิ้นเอกเรือนนี้ได้รวมเอาท้องฟ้าจำลองที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ใช้งานได้จริงมาไว้ในกลไกเล็กที่สุดในโลก แสดงวงโดจรแบบเรียลไทม์ของดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังดาร ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ ที่มีวงโดจรรอบดวงอาทิตย์
ความร่วมมือกับ Van Cleef & Arpels
Midnight Planetarium Poetic Complication ในอีเวนต์นาพิการะดับโลกอย่าง SIHH ที่จัดขึ้นที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี 2014 แวนคลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์ ได้นำเสนอนาพิกากลไกที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา กลไกท้องฟ้าจำลองที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษแก่แวนคลีฟ แอนด์ อาร์เปลสั พัฒนาขึ้นโดยแบรนด์นาฬิกาดาราศาสตร์ คริชเตียน วาน เดอร์ คลาวว์ เรือนเวลาชิ้นเอกอันสลับซับซ้อนนี้ใช้เวลากว่า 3 ปีในการพัฒนา โดยเป็นกลไกไขลานอัตโนมัติที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนแยกถึง 396 ชิ้น
The Lady Arpels Planetarium
ปี 2018 ตำนานแห่งแวนคลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์ ได้เผยโฉมนาฬิกา Midnight Planetarium เวอร์ชั่นใหม่ ที่ออกแบบมาสำหรับสุภาพสตรีโดยเฉพาะ นาฬิการุ่นนี้นำเสนอดวามคิดเรื่องเวลาในเชิงบทกวี แสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวของเทหวัตถุบนท้องฟ้า มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่อันเป็นเอกลักษณ์ที่พัฒนาขึ้นในสวิตเซอร์แลนด์โดยร่วมมือกับคริซเตียน วาน เดอ คลาวว์ ซึ่งดาวพุธ ดาวคุกร์ โลก จะหมุนโดจรรอบดวงอาทิตย์ในความเร็วที่แท้จริงของแต่ละดวง ขณะเดียวกันดวงจันทร์ที่กำลังส่องเป็นประกายจากเพชรวิบวับ ก็โดจรรอบดาวฤกษ์เป็นเวลา 29.53 วัน นาฬิการุ่นนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศ Grand Prix d’Horlogerie de Geneve (GPHG) ในปี 2018 ที่เจนีวา สาขานาฬิกากลไกสำหรับสุภาพสตรี (Ladies’ Complication)
เดินทางมาบรรจบครบรอบ 50 ปี
ปี 2024 ทางแบรนต์จะเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี โดย ณ ปัจจุบันยังคงถือว่าแบรนด์นาพิกาดาราศาสตร์ คริชเตียน วาน เดอร์ คลาวว์ เป็นอะเตลิเยร์เพียงแห่งเดียวในโลกที่อุทิศให้กับการออกแบบและผลิตนาพิกาดาราศาสตร์ด้วยมืออย่างสมบูรณ์แบบเอกสิทธิ์เฉพาะบุคคล