Words & Photo: Kant Jominta
แอบล้อมาจากคำขวัญที่ใช้พูดเรียกสติพลเมืองในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ของรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งตอนหลังเป็นมีม (Meme) ฮิตที่หลายคนชอบใช้คำขึ้นต้น “Keep Calm and …” ส่วนจะต่อท้ายด้วยอะไรก็ว่ากันไป เรากำลังจะนำทุกคนไปเที่ยวลอนดอน แต่หลักหมุดจุดหมายในทริปนี้จะอยู่ที่พิพิธภัณฑ์น่าสนใจในเมืองผู้ดี ที่ ELLE MEN Thailand คัดมาให้แล้ว 5 แห่งด้วยกัน
The Design Museum

The Design Museum ออกแบบโดย John Pawson (จอห์น พาวสัน) ซึ่งเป็นคนที่ถนัดงานสไตล์มินิมอล ดีไซน์จึงออกมาเป็นโครงสร้างทางเรขาคณิตที่งดงาม มีหลังคาทรงพาราโบลาไฮเพอร์โบลิก วัสดุหลักเป็นไม้โอ๊คที่ให้บรรยากาศอบอุ่น ช่วยลดเสียงสะท้อนของอาคาร แถมยังได้กลิ่นของต้นโอ๊กอบอวลชวนให้น่าเดิน ทว่าไม่ลืมที่ยังคงกลิ่นอายสถาปัตยกรรมในอดีตที่เคยเป็นอาคารของสถาบัน Commonwealth มาก่อน



เราชอบผลงานการออกแบบของ Yinka Ilori (ยินก้า อิลอริ) ที่ได้รับอิทธิพลมาจากการผสมผสานของวัฒนธรรมที่มารวมกันในชุมชนผู้พลัดถิ่นทางตอนเหนือของลอนดอน เขามักจะจับรูปแบบเรขาคณิตที่มีสีสันซึ่งเป็นลักษณะการออกแบบ แสดงออกถึงการผสมผสานอันหลากหลายของอัตลักษณ์ของลอนดอน ผลงานมีทั้งงานศิลปะ ภาพถ่าย เฟอร์นิเจอร์ สิ่งทอ หนังสือ และทรัพย์สินส่วนตัว
ชั้นบนสุดมีนิทรรศการ Designer Maker User นำเสนอพัฒนาการออกแบบสมัยใหม่ในมุมของนักออกแบบ ผู้ผลิต และผู้ใช้งาน เชื่อมโยงถึงกันทั้งสามบริบท มีงานดีไซน์ที่เราพบเห็นกันในชีวิตประจำวันในลอนดอน ตั้งแต่สถาปัตยกรรม วิศวกรรมไปจนถึงโลกดิจิทัล แฟชั่น และกราฟิก


British Museum

สมัยเรียนวิชาประวัติศาสตร์ มักจะได้ยินอาจารย์พูดอยู่หน้าชั้นเรียนว่า อังกฤษ เป็นประเทศที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน เป็นความหมายแฝงที่บอกว่าอังกฤษมีอาณานิคมอยู่ทั่วโลก เห็นได้จากของที่นำมาจัดแสดงใน British Museum
พิพิธภัณฑ์ด้านประวัติศาสตร์และธรรมชาติของมนุษย์ที่สำคัญที่สุดในโลก ก่อตั้งในปี 1753 เริ่มแรกเป็นการจัดแสดงของสะสมของ Sir Hans Sloane (เซอร์ฮันส์ สโลน) แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ปัจจุบันมีวัตถุโบราณกว่าแปดล้านชิ้น รวมระยะเวลาประมาณ 2 ล้านปี แนะนำให้มาแต่เช้าเพราะแถวรอเข้ายาวมาก และเราคิดว่าน่าจะใช้เวลาเกือบทั้งวันในการเดินชม British Museum ให้ทั่ว






เริ่มจากโซนอียิปต์ ภายในมีทั้ง Rosetta Stone ต้นแบบของศิลาจารึกภาษาอียิปต์ที่นำไปสู่การเปิดโลกความลับโบราณนับพันปีออกสู่สายตาชาวโลก ประติมากรรมหินสลักของฟาโรห์ โลงศพคลีโอพัตรา แผ่นหินสลักเป็นภาพนูนต่ำ วัตถุโบราณของอัสซีเรียน และนี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นมัมมี่จริงๆ น่าตื่นเต้นมาก
จากนั้นก็มาสู่ยุครุ่งเรืองของกรีกโรมัน มีหน้าบันของมหาวิหารแพนธีออนที่ล่มสลายไปแล้ว รูปปั้นเทพีอะโฟรไดท์ รูปปั้นม้าจากเมาโซแลม และรูปปั้นหินอ่อนอื่นๆ ที่น่าสนใจ ก็นำมาแสดงไว้ที่ British Museum แห่งนี้
โซนเอเชีย ก็รวมเอาโบราณวัตถุทั้งจากจีน เกาหลี ญี่ปุ่น พระพุทธรูปคันธาระเป็นพระพุทธรูปยุคแรกของโลกซึ่งได้รับอิทธิพลทางศิลปะจากอารยธรรมกรีกก็อยู่ในโซนนี้ มีชิ้นส่วนประติมากรรมหินปูนของสถูปองค์ใหญ่ในสมัยอมราวดีของอินเดีย ศิลปะขอม มีเทวรูปทำจากสำริดและหินทราย พระพุทธรูปจากไทย พม่า และอีกหลายชาติมาไว้ที่นี่



ที่ชอบสุดและคิดว่าชาว ELLE MEN น่าจะสนใจก็คือ ห้องที่บอกเล่าประวัติความเป็นมาของนาฬิกาโลก นำมาจัดแสดงตั้งแต่ยุคแรกที่ใช้กลไก ใช้ระบบตุ้มถ่วง เรื่อยมาจนพัฒนาเป็นแบบนาฬิกาไขลาน ขนาดก็เริ่มปรับให้เล็กลงจนมีนาฬิกาตั้งโต๊ะ นาฬิกาพกพา นาฬิกาข้อมือแบบไขลาน แบบใส่ถ่าน เรื่อยมาถึงยุคตัวเลขและ Smart Watch ในที่สุด เป็นวิวัฒนาการของนาฬิกาที่หาชมได้ยากและตื่นเต้นมาก




Tate Modern


พิพิธภัณฑ์ศิลปะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่เดิมเป็นโรงไฟฟ้าก่อนจะปิดตัวและพัฒนามาจนกลายเป็นสถานที่ที่มีความร่วมสมัย ด้านในทิ้งโครงสร้างเดิมแบบ Industrial Design ชอบบันไดวนเป็นคอนกรีตดูสวยดี
ทางเข้าเป็น Turbine Hall ขนาดใหญ่ เดิมเป็นที่ตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ตอนนี้กลายมาเป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะสูงประมาณตึก 5 ชั้น ผลงานของ Cecilia Vicuña (เซซิเลีย วิกูญญา) ด้วยการจัดวางวัสดุจากธรรมชาติ พวกผ้าดิบ ผ้าลูกไม้ ขนสัตว์ เส้นใยพืช เชือก และกระดาษแข็ง สร้างรูปลักษณ์ของต้นไม้ที่ฟอกขาว เปิดซาวนด์แบบที่มิกซ์เสียงดนตรีพื้นเมืองจากทั่วโลกดูหลอนๆ


ภายในมีผลงานหลากหลายแขนงไม่ใช่แต่เพียงรูปปั้น ภาพวาดเท่านั้น แต่ยังมีงานศิลปะสะท้อนสังคม การอนุรักษ์ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนศิลปะที่แสดงออกทางการเมือง อย่างเช่น แบบจำลองขนาดของอาคาร Burj El Murr ในกรุงเบรุต เลบานอน เดิมเป็นหอคอยของตระกูล El-Murr ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองที่โดดเด่น ก่อสร้างยังไม่ทันเสร็จแต่กลับเกิดสงครามกลางเมือง จึงถูกนำมาใช้เป็นด่านซุ่มยิง หอคอยสูงเกินกว่าจะถล่มลงมา หนาแน่นเกินกว่าจะระเบิดได้ และยังคงครองเส้นขอบฟ้าต่อไป ตอนนี้ถูกมองว่าเป็นอนุสรณ์แห่งความขัดแย้งภายในที่ไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างแท้จริง
แต่ที่เท่ที่สุดต้องยกให้งานของ Yasmin Jahan Nupur (ยัสมิน จาฮัน นูปูร์) และ Bharti Kher (ภารตี เคอร์) ศิลปินชาวบังกลาเทศที่แซะเรื่องการล่าจักรวรรดิบริติช ด้วยการจัดโต๊ะน้ำชายามบ่ายสไตล์ผู้ดีอังกฤษในบ้านของชาวบังกลาเทศ Tate Modern จึงเป็นอีกพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจสำหรับใครที่หลงใหลในงานศิลปะ




Sherlock Holmes Museum


หลายคนที่เป็นแฟนนวนิยายนักสืบจะคุ้นกับบ้านเลขที่ 221 B Baker Street ซึ่งแน่นอนว่าเป็นที่ตั้ง (สมมติ) ของบ้าน Sherlock Holmes (เชอร์ล็อค โฮล์มส์) ในช่วงที่ Sir Arthur Conan Doyle แต่งนิยายเรื่องนี้ ลักษณะเป็นอะพาร์ตเมนต์ยุควิคตอเรียน 4 ชั้น
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Sherlock Holmes และ Dr. Watson ไม่มีตัวตนอยู่จริง ดังนั้นที่นี่จึงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีแรงบันดาลใจมาจากการเขียนนิยายของ Sir Arthur Conan Doyle เพราะเอาเข้าจริงๆ เลขที่บ้านหลังนี้ก็ไม่ใช่ 221 B แต่อย่างใด แต่เป็นบ้านเลขที่ 239




พิพิธภัณฑ์มี 4 ชั้น ห้องหับต่าง ๆ ถูกตกแต่งราวกับว่าตัวละครยังคงอาศัยอยู่ที่นั่น โถงกลางของห้องบนชั้น 2 จัดวางเก้าอี้ มีหมวก ไปป์ และแว่นขยาย สัญลักษณ์ของ Sherlock วางเอาไว้ ติดกันมีโต๊ะสำหรับอ่านหนังสือพิมพ์ตั้งอยู่ใกล้หน้าต่าง ด้านหลังเป็นผนังที่มีไปป์หลายแบบแขวนประดับไว้ให้ความคลาสสิคมาก



บางห้องเต็มไปด้วยของที่ระลึกซึ่งถูกอ้างอิงถึงในนวนิยาย เช่น แว่นขยาย สำเนาเก่าของ The Times ท่อ ชุดเคมี ขวดหมึก ไวโอลิน กวางสตอล์กเกอร์ เราตื่นเต้นกับปืนลูกโม่ Bulldog ที่ซ่อนอยู่ในพระคัมภีร์ มีโต๊ะทดลองในห้องด้านหลังที่เต็มไปด้วยสิ่งประดิษฐ์และเครื่องเรือนจากยุควิกตอเรียน ดูคลาสสิคดี ที่น่าสนใจคือมีหนังสือและจดหมายที่ผู้อ่านส่งถึง Sherlock เพื่อให้ช่วยไขปริศนาของพวกเขา รวมไปถึงจดหมายที่หลายๆ คนแสดงความรักต่อนวนิยายเรื่องนี้



Victoria and Albert Museum (V&A)

พิพิธภัณฑ์แห่งศิลปะและการตกแต่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อตั้งในปี 1851 ตั้งตามชื่อของควีนวิคตอเรียและเจ้าชายอัลเบิร์ต ซึ่งพระองค์ทรงเสด็จมาเปิดพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วยตัวเอง




ตัวอาคารในอดีตเป็นวังเก่ายุคเอ็ดเวิร์ดที่สร้างด้วยอิฐแดงและหินโปแลนด์ดูโอ่อ่า เต็มไปด้วยรายละเอียดทางประติมากรรม ภายในปูกระเบื้องอย่างหรูหรา ทำให้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ภายในแบ่งย่อยออกเป็นห้องต่างๆ กว่า 150 ห้อง เก็บรวบรวมและจัดแสดงทรัพยากรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเกี่ยวข้องกับเรื่องราวทางสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม แกลเลอรีแฟชั่นมีตั้งแต่ชุดคอร์ทสมัยศตวรรษที่ 18 ไปจนถึงผ้าชีฟองร่วมสมัย งานเฟอร์นิเจอร์ ศิลปะการถ่ายภาพ เครื่องประดับ อัญมณี แก้ว เซรามิก ตลอดจนงานโบราณคดีจากพื้นที่ต่างๆ เช่น พระพุทธรูปสมัยทวารวดี พระพุทธรูปจากอยุธยาและสุโขทัย โบราณวัตถุของราชวงศ์หมิงและตุ๊กตาโบราณจากจีน ชุดกาน้ำชาญี่ปุ่น ดาบซามูไร ชุดเครื่องเงินโบราณ ฯลฯ ตลอดจนหนังสือ และเอกสารสำคัญกว่า 2.8 ล้านชิ้น ซึ่งครอบคลุมระยะเวลากว่า 5,000 ปีของการสร้างสรรค์ของมนุษย์ตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน




ช่วงที่ไปมีการจัดแสดงนิทรรศการพิเศษหัวข้อแฟชั่นในแอฟริกาตั้งแต่โมร็อกโกไปจนถึงกานาตะวันตก ซึ่งเราคิดว่าน่าสนใจ เพราะแทบไม่ค่อยมีข้อมูลเกี่ยวกับวิวัฒนาการเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของผู้คนจากทวีปนี้เลย ทำให้เห็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งทอให้มีดีไซน์ประยุกต์จากชาติพันธุ์อื่นๆ นำมาปรับให้เข้ากับท้องที่ได้อย่างน่าสนใจ
เช่นในยุคหนึ่งก็มีการนำผ้ามาใช้ในกลยุทธ์ทางการเมือง เมื่อ Kwame Nkrumah (ควาเม่ นครูมาห์) นายกรัฐมนตรีกานา สวมชุดที่ตัดเย็บด้วยผ้า Kente เพื่อแสดงออกถึงการประกาศอิสรภาพของประเทศจากการปกครองของอังกฤษในปี 1957 เราประทับใจที่เคยอ่านสัมภาษณ์ของ Henry Cole (เฮนรี โคล) ผู้อำนวยการคนแรกของ V&A บอกว่าพิพิธภัณฑ์ควรเป็น “ห้องเรียนสำหรับทุกคน” จึงไม่ต้องแปลกใจหากมีจะผู้คนจากหลายชาติ หลากอายุเดินทางมาชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ที่ลอนดอนกันเยอะมาก ไม่ใช่เพียงแค่ 5 แห่งนี้เพราะพิพิธภัณฑ์แต่ละที่ก็มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน การมาเที่ยวลอนดอน สอนให้รู้ว่า ศิลปะเป็นเรื่องของทุกคน ทุกวัย เราควรได้รับการส่งเสริมให้เข้าถึงงานศิลปะในทุกแขนงได้อย่างง่ายที่สุด







