ในโลกของแฟชั่น มีเพียงไม่กี่ชื่อที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้อย่างแท้จริง และ Gabrielle Chanel (กาเบรียล ชาเนล) คือหนึ่งในนั้น เธอไม่ได้แค่สร้างเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับ แต่ได้ปลดปล่อยผู้หญิงจากกรอบเดิม ๆ มอบเสรีภาพ ความมั่นใจ และความสง่างามที่ไร้ข้อจำกัด Coco Crush คือตัวแทนแห่งจิตวิญญาณนั้น เรียบหรู ทรงพลัง และเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่เหนือกาลเวลา และนี่คือ 5 เหตุผลที่ทำให้ Coco Crush เป็นมากกว่าเครื่องประดับ แต่คือไอคอนแห่งสไตล์ที่แท้จริง
#1 โดดเด่นด้วยลวดลาย Matelassé หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ลายควิลท์’

ลวดลาย Matelassé หรือ ลายควิลท์ (Quilt) ไม่ใช่แค่ลวดลายบนผ้าที่สวยงาม แต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวที่มีความหมายลึกซึ้งในประวัติศาสตร์ของแฟชั่น สำหรับกาเบรียล ชาเนล ลายนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ในชีวิตของเธอ โดยเฉพาะจากความสัมพันธ์กับ Étienne Balsan (เอเตียน บัลซอง) ทายาทเศรษฐีธุรกิจสิ่งทอและอดีตทหารม้า การที่เธอได้รับแรงบันดาลใจจากการเย็บตารางนูนบนผ้าห่มม้าและเสื้อแจ็กเก็ตของคนงานคอกม้า กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการออกแบบแฟชั่นที่โดดเด่นในช่วงทศวรรษ 1920 ซึ่งไม่เพียงแต่สะท้อนถึงสไตล์ที่เรียบหรู แต่ยังสะท้อนถึงความสามารถในการดึงเอาความงามจากรายละเอียดเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในชีวิต ต่อมาปี 1955 ลายควิลท์ได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ CHANEL และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ทำให้แฟชั่นของเธอเป็นที่รู้จักและน่าจดจำไปตลอดกาล
ปี 2015 ลวดลายควิลท์ปรากฏในรูปแบบใหม่ผ่านการออกแบบสลักเส้นตัดกันบนพื้นผิวโค้งมนอย่างประณีตในคอลเล็กชั่น ‘Coco Crush’ ไฟน์จิวเวลรี่ที่สะท้อนความงามเรียบหรูและเอกลักษณ์ เหมาะสำหรับผู้หญิงที่รักอิสระและเลือกเครื่องประดับนี้เพื่อเฉลิมฉลองช่วงเวลาสำคัญในชีวิต เช่นเดียวกับกาเบรียลที่สะท้อนตัวตนในฐานะดีไซเนอร์ที่มีความอิสระและทันสมัย
ลวดลายบนทองคำในคอลเล็กชั่นนี้ออกแบบให้โค้งมนและนุ่มนวล รอยสลักถูกสร้างอย่างประณีตเพื่อถ่ายทอดลวดลายควิลท์ได้อย่างสมบูรณ์ รายละเอียดเหล่านี้สะท้อนถึงความพิถีพิถัน ตั้งแต่เส้นโค้งไปจนถึงสัมผัสที่เย้ายวนใจ งานออกแบบนี้ผสมผสานพลังความเป็นผู้หญิง และเส้นโค้งกับเหลี่ยมมุม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ Coco Crush และสะท้อนจิตวิญญาณของ CHANEL ได้อย่างแท้จริง
#2. สี ‘เบจโกลด์’ จุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร

เฉดสีหลักที่เราคุ้นเคยจากแบรนด์ CHANEL ได้แก่ ขาว, ดำ, แดง และทอง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงตัวตนของแบรนด์อย่างชัดเจน แต่ภายใต้สี่โทนสีนี้ยังมีสีที่มีเอกลักษณ์และความหมายเฉพาะตัวอย่าง ‘เบจโกลด์’ ซึ่งเป็นโทนสีอุ่นที่สื่อถึงความหลงใหลและความเชื่อของกาเบรียลว่า ‘เบจโกลด์คือสีแห่งความสำเร็จในช่วงแรกของเธอ’ ซึ่งปรากฏอยู่ในชิ้นงานไอคอนิกต่างๆ เช่น แจ็กแก็ตผ้าทวีด งานนิตแวร์ และหนังของรองเท้าทูโทน
ในคอลเล็กชัน Coco Crush การเลือกใช้ทองคำ 18K ที่ถูกเจียระไนให้เป็นสีเบจโกลด์ ไม่เพียงแค่สะท้อนถึงการเลือกใช้โลหะมีค่า แต่ยังเป็นการนำเสนอบทพิสูจน์ของความประณีตและคุณภาพที่ไร้ที่ติ ด้วยสัมผัสเนียนนุ่มดุจผิวกำมะหยี่ที่ช่วยขับให้ผิวดูเปล่งประกายเมื่อสวมใส่ สีเบจโกลด์จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความพิเศษและเอกลักษณ์ที่แท้จริงของแบรนด์
#3 ปรับดีไซน์ให้เรียวบาง เพื่อเพิ่มมิติใหม่แห่งการมิกซ์แอนด์แมตช์

หากต้องถอดสมการแห่งเสน่ห์ของ Coco Crush ไม่ว่าจะกี่ชิ้นก็ตาม คำตอบที่ได้คงหนีไม่พ้นคำว่า ‘อิสระ’ ซึ่งยังคงได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกับการออกแบบที่เพรียวบางยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการจับคู่กับเครื่องประดับอื่น ๆ ได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ไม่ว่าคุณจะเลือกสวมแหวนหลายแบบในนิ้วเดียวกัน หรือ เรียงซ้อนกำไลบนข้อมือ ดีไซน์ที่ได้รับการปรับแต่งใหม่นี้ช่วยให้ทุกองค์ประกอบลงตัวมากขึ้น อีกทั้งการจัดวางเพชรในแต่ละชิ้นยังถูกปรับให้มีความสมดุล ส่งผลให้การมิกซ์แอนด์แมตช์เป็นไปตามสไตล์เฉพาะตัวของแต่ละบุคคลได้อย่างง่ายดาย
ระหว่างการเยือน ป็อปอัพสโตร์ Crush Story ที่สยามพารากอน สิ่งที่สะดุดตาผู้เขียนอย่างที่สุดคือ เทปคาสเซต 4 ม้วน ที่แต่ละม้วนถูกจ่าหน้าด้วยวลีสุดชิกที่สะท้อนเอกลักษณ์ของ Coco Crush ได้แก่
- Mini But Many
- All For One
- Triple Crush
- Total Look

ก่อนปิดท้ายด้วยคำถามที่ชวนให้เลือกติ๊กถูกตามสไตล์ที่ใช่—มีเสน่ห์, ล่อลวง หรือ น่าสนใจ? แล้วคุณล่ะ… จะเลือกอะไร?
#4 เสน่ห์ของ Coco Crush: ไฟน์จิวเวลรี่ที่ไร้กรอบทางเพศ

นอกเหนือจาก ความอิสระ ที่เป็นหัวใจสำคัญของ Coco Crush อีกหนึ่งเสน่ห์ของคอลเล็กชันไฟน์จิวเวลรี่นี้คือ ความเป็นยูนิเซ็กส์ ที่ไม่ถูกจำกัดด้วยเพศหรือกรอบใด ๆ
ตั้งแต่จุดเริ่มต้น Coco Crush ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับทุกเพศและทุกรูปแบบการแต่งตัว สะท้อนผ่านแคมเปญที่นำเสนอแนวคิดแห่ง ความเท่าเทียม ไปจนถึงการที่ศิลปินและเซเลบริตี้มากมายเลือกสวมใส่เครื่องประดับชิ้นนี้ในสไตล์ที่เป็นตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น แหวน, กำไล หรือสร้อยคอ Coco Crush จึงไม่ได้เป็นเพียงเครื่องประดับ แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งอิสระที่ไร้ขีดจำกัดของการแสดงออกในทุกมิติ
#5 Coco Crush x Jennie: กลยุทธ์เจาะกลุ่ม Gen Z ของ CHANEL

Jennie Kim หรือที่หลายคนรู้จักในนาม Jennie BLACKPINK คือหนึ่งในเฮาส์แอมบาสเดอร์คนสำคัญของ CHANEL และเป็นเฟซของคอลเล็กชันไฟน์จิวเวลรี่ Coco Crush มาตั้งแต่ปี 2022 จนถึงปัจจุบัน ล่าสุดในปี 2025 เธอยังคงเป็นกำลังสำคัญของแคมเปญนี้ โดยร่วมงานกับนางแบบชื่อดังอย่าง Mona Tougaard และ Amelia Gray Hamlin นับเป็นการสานต่อความร่วมมือระหว่างเธอกับแบรนด์เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน
เจนนี่ได้รับการยอมรับในฐานะไอคอนแฟชั่นแห่งยุคของ Gen Z ด้วยสไตล์อันโดดเด่นและความมั่นใจที่สะท้อนถึงพลังของผู้หญิงยุคใหม่ การร่วมงานของเธอกับ CHANEL ไม่เพียงแต่ช่วยดึงดูดฐานแฟนคลับของ BLACKPINK แต่ยังช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ในฐานะแบรนด์หรูที่ร่วมสมัยและเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้อย่างแท้จริง
การมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องของเจนนี่ในแคมเปญ Coco Crush เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างเธอกับ CHANEL ในทุกแคมเปญ เธอได้ถ่ายทอดเสน่ห์ของคอลเล็กชันผ่านวิดีโอโปรโมตที่สะท้อนถึงความเป็นอิสระ ความมั่นใจ และความสง่างาม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ Coco Crush และจิตวิญญาณของ CHANEL เอง
Coco Crush: หัวใจสำคัญของ CHANEL

Coco Crush เป็นเครื่องประดับที่สะท้อนถึงแก่นแท้ของ CHANEL ไม่ว่าคุณจะเลือกสวมใส่กำไล แหวน หรือสร้อยคอ แต่ละชิ้นล้วนเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่ผสานความอิสระและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว คุณสามารถมิกซ์แอนด์แมตช์เครื่องประดับเหล่านี้ให้เข้ากับสไตล์ของตัวเองได้อย่างไร้ขีดจำกัด เพื่อสะท้อนตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์และเสริมสร้างความมั่นใจในทุกโอกาส