หลังจากห่างหายไปเกือบสองปี The Sandman กลับมาอีกครั้งในซีซั่น 2 พร้อมความลุ่มลึกที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม แบ่งการเล่าเรื่องออกเป็นสอง Volume โดย Volume 1 (สตรีมไปแล้วเมื่อ 3 กรกฎาคม) ได้พาเราดำดิ่งสู่มิติของครอบครัว Endless ที่แสนซับซ้อน และเผยให้เห็นด้านเปราะบางของ Morpheus อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ส่วน Volume 2 ที่กำลังจะเริ่มสตรีมในวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ คือบทสรุปของซีซั่นที่แฟนคอมิกหลายคนรอคอย เพราะมันจะพาเราเข้าใกล้จุดแตกหักของทุกตัวละคร รวมไปถึงบทสรุปของ เจ้าแห่งความฝัน เช่นกัน
ELLE MEN Thailand ขอสรุปทุกประเด็นสำคัญที่คุณต้องรู้ เพื่อเตรียมพร้อมดำดิ่งสู่บทสรุปอันยิ่งใหญ่นี้ และนี่คือสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนจะก้าวเข้าสู่บทสุดท้ายของ The Sandman ซีซั่น 2
ย้อนเส้นทางอันแสนยาวนานของ Lord Morpheus

ในซีซันแรกเราได้เห็น Morpheus หรือ Dream (รับบทโดย Tom Sturridge) กลับมายังอาณาจักร The Dreaming ที่รกร้างว่างเปล่า หลังจากถูกกักขังนานนับศตวรรษ การเดินทางเพื่อฟื้นฟูอาณาจักรและตามหาเครื่องมือแห่งอำนาจที่หายไปนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าหลงใหล และเปิดประตูสู่โลกแห่งความฝันอันกว้างใหญ่ ซีซัน 2 นี้ จะพาเราก้าวเข้าสู่ห้วงลึกของเรื่องราวที่ดัดแปลงมาจากคอมิกส์สุดคลาสสิกของ Neil Gaiman อย่าง Season of Mists และ Brief Lives ซึ่งจะนำไปสู่จุดจบของเรื่องราวอันยิ่งใหญ่!
5 ไฮไลต์ที่คุณไม่ควรพลาดใน The Sandman Season 2
#1 การชำระสะสางกับอดีตและการเผชิญหน้ากับชะตากรรม

Dream จะต้องเผชิญหน้ากับความผิดพลาดในอดีตครั้งใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องราวกับ Nada ราชินีแห่งชนเผ่าโบราณที่เขาทอดทิ้งให้ติดอยู่ในนรกนับพันปี การเดินทางกลับสู่ขุมนรกเพื่อปลดปล่อยเธอจะเป็นบททดสอบครั้งสำคัญของ Dream และอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง นอกจากนี้ ซีซันนี้จะเจาะลึกเข้าไปในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่าง Dream และสมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูล Endless รวมถึงการค้นหา Destruction น้องชายผู้สาบสูญ
#2 การปรากฏตัวของ Orpheus และตำนานกรีกที่ร้อยเรียง

หนึ่งในไฮไลท์ที่สำคัญคือการเปิดตัว Orpheus (รับบทโดย Ruairi O’Connor) บุตรชายเพียงคนเดียวของ Dream กับ Calliope ตำนานโศกนาฏกรรมของ Orpheus ที่พยายามช่วยคนรักจากยมโลก จะถูกนำมาเล่าขานและเชื่อมโยงกับชะตากรรมของ Dream อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เตรียมตัวพบกับการผสมผสานระหว่างตำนานกรีกโบราณและจักรวาล The Sandman ที่ลงตัว
#3 ความขัดแย้งในตระกูล Endless ที่เข้มข้นขึ้น

ความสัมพันธ์ระหว่าง Dream และ Desire (รับบทโดย Mason Alexander Park) จะทวีความตึงเครียดมากขึ้น เมื่อ Desire ยังคงวางแผนการร้ายเพื่อทำลาย Dream นอกจากนี้ เราจะได้เห็นการรวมตัวของเหล่า Endless คนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Death (Kirby Howell-Baptiste) ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา, Destiny (Adrian Lester) ผู้แบกรับชะตากรรม, Despair (Donna Preston) ผู้สะท้อนความสิ้นหวัง และ Delirium (Esme Creed-Miles) น้องคนสุดท้องผู้ร่าเริงแต่ซับซ้อน
#4 ศึกแห่งนรกครั้งใหม่

หลังจากการพ่ายแพ้ในซีซันแรก Lucifer Morningstar (รับบทโดย Gwendoline Christie) อาจไม่ได้ต้องการปกครองนรกอีกต่อไป และการตัดสินใจของเธอจะนำไปสู่เหตุการณ์สำคัญที่สั่นสะเทือนทั้งสามโลก เตรียมตัวพบกับการต่อสู้ครั้งใหม่ในนรก ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงอำนาจในจักรวาลไปตลอดกาล
#5 การกลับมาของตัวละครที่คุ้นเคยและตัวละครใหม่

นอกเหนือจากตัวละครหลักแล้ว เราจะได้เห็นการกลับมาของ The Corinthian (Boyd Holbrook) แม้จะถูก ‘ลบ’ ไปแล้วในซีซันแรก แต่ตัวอย่างได้เผยให้เห็นการกลับมาของเขาในรูปแบบที่แตกต่างออกไป รวมถึง Lady Johanna Constantine (Jenna Coleman) นักปราบปีศาจผู้ปราดเปรียว ก็จะกลับมามีบทบาทสำคัญเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีตัวละครจากเทพนิยาย Norse อย่าง Odin (Clive Russell), Thor (Laurence O’Fuarain) และ Loki (Freddie Fox) ที่จะเข้ามาเพิ่มสีสันให้กับเรื่องราวอีกด้วย
The Sandman ซีซั่น 2 ไม่ใช่เพียงแค่การปิดฉากเรื่องราวของ Dream เท่านั้น แต่ยังเป็นบทสรุปของการเดินทางอันยิ่งใหญ่ในโลกแห่งความฝัน ความหวัง ความมืดมิด และการไถ่บาป เตรียมตัวดำดิ่งไปกับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความลึกซึ้ง ปรัชญา และภาพอันตระการตา ที่จะตราตรึงอยู่ในใจคุณไปอีกนานแสนนาน

