ภาพยนตร์แต่ละเรื่องนั้นก่อร่างสร้างเรื่องขึ้นจากองค์ประกอบด้วยบทละคร ตัวละคร และฉากที่ค่อย ๆ ดำเนินจากจุดเริ่มต้น ไต่ระดับสู่จุดพลิกผัน และคลี่คลายปมสู่จุดจบ ที่นับเป็นธรรมเนียมซึ่งคอหนังรู้กันดี ส่วนเทคนิคการเกลี่ยโทนสี ภูมิหลังตัวละคร (ที่อาจไม่ได้กล่าวถึงในหนัง) รวมถึงเครื่องแต่งกาย ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ควรค่าแก่การตกผลึก และนำมาสู่การพูดคุย กล่าวถึงกันเพื่อเพิ่มอรรถรส ที่นอกเหนือไปจากแก่นสารที่หนังต้องการสื่อ ด้วยจิตวิญญาณความเป็นสายแฟฯ ชนิดเข้มข้น สิ่งที่มักตกตะกอนได้หลังดูหนังจบแต่ละเรื่องคงหนีไม่พ้นการเล็งไปที่ดีเทลจับมิกซ์แอนด์แมตช์เสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋า ที่กลายเป็นบทบาทเสริมอย่างดีงามให้กับหนังเรื่องนั้น ๆ จากการทำการบ้านอย่างหนักของทีมคอสตูมดีไซเนอร์ และส่งอานิสงส์ให้คอหนังอย่างเราสนุกขึ้นเป็นเท่าตัว
อิทธิพลเหล่านี้อาจทำให้เราตกเป็นทาสการตลาดโดยไม่ทันตั้งตัว อย่าง ‘นาฬิกา’ ที่มักสวมบทตัวละครหลักในหนังหลาย ๆ เรื่อง หรืออยู่บนข้อมือตัวละครอื่น ๆ จนนับเป็นภาพจำคู่กับตัวละคร และทำให้ระบบสายตาของเราจากซูมเอาต์ปรับเป็นซูมอินอย่างอัตโนมัติในระหว่างชม สุดท้ายพอหนังจบ หลายคนก็โดนตก! ไปในที่สุด (ใช่ไหม?) ครั้งนี้ ELLE MEN Thailand จึงขอคัด 4 ภาพยนตร์ในตำนานที่มีนาฬิกาปรากฏตัวในหนัง มายั่วยวนใจให้นักสะสมต้องกลับไปกดปุ่ม Play อีกครั้งหลังอ่านจบ
Pulp Fiction (1994)
เริ่มต้นด้วย Pulp Fiction ที่มีชื่อภาษาไทยว่า ‘เขย่าชีพจรเกินเดือด’ หนังดังแนวอินดี้ในปี 1994 ผลงานชิ้นเอกของ Quentin Tarantino ที่ตอกหมุดสร้างชื่อเป็นผู้กำกับระดับแนวหน้าของโลก เควนตินหยิบนวนิยายอาชญากรรมในยุคเก่า มาเล่าเรื่องแบบสลับไปมา ชวนมึน (ถ้าคุณพลาดไปแค่ฉากหนึ่ง) แต่ถ้าตั้งใจชม มันโคตรสนุก ทั้งการแสดงและบทละครตลกร้าย เล่าเรื่องชีวิตของอาชญากรหลายคนพร้อมกันสามเรื่อง หนึ่งในนั่นคือนักมวย ‘บุตช์ คูลิดจ์’ (รับบทโดย Bruce Willis) ที่มาร์เซลลัส วอลเลซ (รับบทโดย Ving Rhames) หัวหน้าอาชญากรว่าจ้างให้ล้มมวย แต่พอชกจริงกลับทำให้คู่ต่อสู้เสียชีวิตโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงต้องหนีหัวหน้าอาชญากร แต่ว่าดันลืมนาฬิกาเรือนทองของพ่อจึงต้องกลับไปเอา เจ้านาฬิกาที่เป็นเสมือนความทรงจำในยุคสงครามอันล้ำค่าของพ่อ กลายเป็นเจ้ากรรม ผลักมาร์เซลลัสเข้าไปสู่การถูกไล่ล่า พาไปพานพบกับตัวละครหลักอื่นๆ ชีวิตของคนหลากหลายที่ดูไม่เกี่ยวโยงกัน แต่ผลสรุปกลับมาบรรจบกันในที่สุด

Trench Watch หรือนาฬิกาทหารบนข้อมือของตัวละครกัปตันคูนส์ (รับบทโดย Christopher Walken) พ่อของบุตช์ ที่เขาบอกเล่าถึงนาฬิกาที่อยู่ข้างกายเขาตลอดการเป็นทหารผ่านศึกในสงครามเวียดนาม โดยเป็นผลงานของแบรนด์นาฬิกาสวิสที่มีชื่อว่า Lancet ผลิตขึ้นในปี 1918 โดดเด่นด้วยดีเทลแบบเรียบง่าย

Interstellar (2014)
“He came back! It was him! All this time, I didn’t, I didn’t know it was him!” เมิร์ฟ (รับบทโดย Jessica Chastain) พูดขึ้นขณะมองนาฬิกาข้อมือที่โจเซฟ คูเปอร์ (รับบทโดย Matthew McConaughey) ผู้เป็นพ่อมอบให้เธอไว้ก่อนจากไปปฏิบัติภารกิจช่วยโลก หนึ่งซีนทัชใจที่ตอกย้ำตำนานของ ‘Murph’s Watch’ ใน Interstellar ภาพยนตร์นิยายวิทยาศาสตร์สุดยิ่งใหญ่ของ Christopher Nolan ที่หยิบยกทฤษฎี ‘รูหนอน’ (wormhole) หรือเส้นทางลัดข้ามจักรวาล ซึ่งเกิดจากการบิดเบี้ยวพับตัวของปริภูมิ-เวลา (space-time) ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์มาเล่าเรื่องอย่างชาญฉลาดด้วยการเรียงร้อยความเป็นวิทยาศาสตร์เชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ของมนุษย์ ผ่านนาฬิกา 2 เรือนของ Hamilton Khaki Pilot Day Date ของพ่อ และ Hamilton ของลูกสาว (ไม่ระบุรุ่นในช่วงการฉาย) ที่เป็นเหมือนสัญญาใจของสองพ่อลูก และในขณะเดียวกัน นาฬิกาเรือนนี้ก็กลายมาเป็นฮีโร่ช่วยมนุษยชาติกอบกู้โลกด้วย

จากซีนที่เมิร์ฟแปลงสารจากเข็มวินาทีที่ขยับแบบผิดธรรมชาติ เป็นรหัสมอร์สไขความลับในการกอบกู้โลก ทำให้กำเนิดชื่อ ‘นาฬิกาของเมิร์ฟ’ ที่แฟน ๆ โนแลนทึ่งกับภาพนี้ นำไปสู่การเฝ้ารอคอยการวางขาย และในที่สุดก็ได้ครอบครองกันในปี 2019 โดยใช้ชื่อรุ่นอย่างเป็นทางการว่า นาฬิกา Hamilton Khaki Field Murph ที่ sold out อย่างรวดเร็วในออนไลน์

Kingsman: The Secret Service (2014)
เริ่มต้นภารกิจของสายลับในชุดสูทกับการเฟ้นหาอาวุธคู่กายตั้งแต่ยังไม่เปิดกล้อง ‘นาฬิกาสัญชาติอังกฤษแท้’ คือสิ่งที่ Matthew Vaughn ต้องการที่สุด และทำให้มาพานพบกับ Nick English ผู้ร่วมก่อตั้ง Bremont แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติอังกฤษโดยบังเอิญ ณ บูติก London Bremont เกิดเป็นความถูกชะตาและลงเอยกันด้วยการที่เราได้เห็นนาฬิกา Bremont หลายเวอร์ชั่นบนข้อมือของตัวละครหลัก ๆ อาทิ แกรี ‘เอ็กซี’ อันวิน (รับบทโดย Taron Egerton) ที่ใส่นาฬิกาคู่กายในการปฎิบัติภารกิจช่วยโลก และเซอร์ไพรส์สุดกับการปรากฏตัวของนิก อิงลิช ในบท Kingsman รูปแบบโฮโลแกรมในหนังเรื่องนี้

นาฬิการุ่น Bremont Kingsman เปิดตัวไม่กี่สัปดาห์ก่อนหนังเข้าฉาย ซึ่งความโดดเด่นของรุ่นนี้คือการเป็นนาฬิกาโครโนกราฟ สีโรสโกลด์รุ่นพิเศษ พร้อมทั้งการขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลอัตโนมัติเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ มีทั้งฟังก์ชั่นโครโนกราฟ UTC และแสดงโซนเวลาโลก ไอเท็มที่พร้อมให้ทุกคนเป็นสายลับได้แบบ Kingsman

James Bond: No Time to Die (2021)
ความสัมพันธ์ยาวนานระหว่างหนุ่ม James Bond กับเรือนเวลาคู่ใจ Seamaster Diver 300M (เปิดตัวครั้งแรกในปี 1993) ปรากฏบนข้อมือเจมส์ บอนด์ คนเก่า (รับบทโดย Pierce Brosnan) ใน GoldenEye (1995) นับเป็นจุดเริ่มต้นผันเปลี่ยนหลายภารกิจ หลายเหตุการณ์มาจนถึงภาคที่ 25 กับ ‘No Time to Die’ ซึ่งเป็นภารกิจสั่งลาของตำนานสายลับรหัส 007 ในแบบฉบับของ Daniel Craig ครั้งนี้ความอันตรายเกินคาดในการช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกลักพาตัวไปนั้นยากที่จะคาดเดา เพราะ 007 ต้องเจอกับวายร้ายลึกลับคนใหม่ ซาฟิน (รับบทโดย Rami Malek) ผู้ก่อการร้ายตัวฉกาจ แต่การมีนาฬิกาคู่ใจอย่าง Seamaster Diver 300M 007 Edition ที่สร้างขึ้นจากไทเทเนียมสุดแข็งแกร่ง ก็สร้างความเบาใจให้ 007 ในการปฏิบัติภารกิจไปได้อย่างสำเร็จลุล่วง

ด้วยความตั้งใจของ Lindy Hemming คอสตูมดีไซเนอร์ประจำกองถ่ายพยัคฆ์ร้าย 007 หนึ่งในผู้สร้างภาพลักษณ์ของหนุ่มเจมส์ บอนด์ บอกว่า “ฉันเชื่อมั่นว่าผู้การทหารเรือ นักดำน้ำ และสุภาพบุรุษระดับโลกควรจะสวมนาฬิกา Seamaster ที่มีหน้าปัดสีน้ำเงิน” เธอจึงคัดเลือกนาฬิกา Omega Seamaster Diver 300M ของ 007 มาให้แฟน ๆ ได้เห็นกันนับตั้งแต่ภาค GoldenEye

นาฬิกาทั้ง 4 เรือน จาก 4 ภาพยนตร์ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นตัวละครหนึ่งที่ไร้ชีวิต แต่กลับเพิ่มมิติให้กับหนัง และทำให้นาฬิกาเป็นมากกว่าเครื่องบอกเวลา