ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ Pierpaolo Piccioli (ปีเยร์ปาโอโล ปิชโชลี) เข้าคุมบังเหียนกูตูร์เฮาส์หลังนี้ เขาเชื่อว่าในฐานะของนักออกแบบไม่เพียงต้องรังสรรค์ความงดงาม แต่ผลงานยังต้องส่งสารที่ต้องการจะสื่อในระดับลึกซึ้ง นั่นจึงทำให้ผลงานของเมซง Valentino ถูกเปรียบเป็นงานศิลป์ที่สวมใส่ได้ หลายครั้งชวนให้ผู้เสพร่วมตีความราวกับการชมภาพศิลปะเคลื่อนที่ โดยเฉพาะกับฤดูกาลล่าสุดนี้ที่เขาโยกโชว์คอลเล็กชั่นบุรุษซึ่งปกติแล้วจะโชว์ในกรุงปารีส มาแสดงในนครมิลาน เมืองที่ Valentino Garavani (วาเลนติโน การาวานี) ผู้ก่อตั้งนำเสนอคอลเล็กชั่นบุรุษครั้งแรกในปี 1985 และเลือกสวนใน La Statale University (มหาวิทยาลัยแห่งนครมิลาน-บิค็อกคา) เป็นถานที่จัดโชว์ฤดูกาล Spring/Summer 2024 เพราะเขาเชื่อในพลังของการศึกษาและปรัชญา ทั้งนี้ Valentino ยังจะเป็นผู้นับสนุนเรื่องทุนการศึกษาผ่านการบริจาคให้แก่มหาวิทยาลัย

และอีกประเด็นน่าสนใจไม่แพ้กันคือการเบนเข็มทิศหันหน้าสู่วิถีแห่งความยั่งยืนแบบเต็มสูบ จะมีการนำวัสดุเก่ากลับมาใช้และรีไซเคิล โดยร่วมมือกับ Spazio META (สปาซิโอ เมตา) บริษัทที่ขึ้นชื่อเรื่องการคืนชีพให้วัสดุที่ใช้แล้ว จะมีการนำต้นโอ๊คไปปลูกในสวนสาธารณะ Porta Venezia (ปอร์ตาเวเนเซีย) แห่งมิลาน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปณิธานที่มีร่วมกันของทั้ง Valentino และปีเยร์ปาโอโล
การเลือกสถานที่จัดโชว์ล่าสุดนั้นมีความสำคัญ เพราะเห็นได้ชัดว่าในช่วง 6-7 ปีหลังมานี้เขาต้องการมัดใจกลุ่มลูกค้าในช่วงปลาย Gen Y และ Gen Z โดยเฉพาะปีเยร์ปาโอโลไม่ได้สร้างสรรค์คอลเล็กชั่นที่ดู ‘สตรีทจ๋า’ แต่นำเซนส์ของสตรีทแวร์มาปรับใช้กับงานเทเลอริ่งซึ่งเป็นจุดเด่นของแบรนด์แฟชั่นจากอิตาลี คนรุ่นใหม่ที่ไม่ยึดติดกับกรอบการแต่งกายแบบฉบับบุรุษเพศตามภาพจำใดๆ พร้อมจะเสพสไตล์ใหม่ๆ (รวมถึงแฟชั่นย้อนยุคที่อาจไม่ทันสัมผัส) สามารถทำหน้าที่สะท้อนภาพร่างแห่งจินตนาการเกี่ยวกับผู้ชายยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี และพวกเขาก็ตอบรับผลงานของเฮาส์หลังนี้ สัมผัสได้จากเสียงปรบมือของเหล่านักศึกษาที่ชมการแสดงบนตัวระเบียง




“สัญลักษณ์แห่งอำนาจและการประสบความสำเร็จได้ทำหน้าที่กำหนดแนวคิดความเป็นชาย”
ปีเยร์ปาโอโล ปิชโชลี
เขาได้กล่าวให้สัมภาษณ์หลังจบการแสดง แต่เขาเชื่อว่าความแข็งแกร่งของชายชาตรีที่แท้จริงนั้น คือการกล้าเปิดเผยมุมที่เปราะบางและอ่อนโยน ภาพของ ‘ความแมน’ แบบสุดขั้วอย่างชายล่างล่ำ ไว้หนวดเครา ใบหน้าเคร่งขรึงจึงถูกแทนที่ด้วยเหล่านายแบบร่างบางจากหลากเชื้อชาติ ใบหน้าอ่อนหวาน สวมเครื่องแต่งกายที่ทวิสต์จากยูนิฟอร์มของหนุ่มๆ วัยเรียนและวัยทำงาน ให้กลายเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นสะท้อนเรื่องความหลากหลาย ผู้ชายของ Valentino วันนี้จึงสวมได้ตั้งแต่เชิ้ตสุดเนี้ยบกับสกินนี่ไทและเบลเซอร์คัตคมไปจนถึงท่อนล่างที่ดูคล้ายกระโปรง



และที่เซอร์ไพรส์! จากคอลเล็กชั่นที่ใช้ชื่อ The Narratives รับลมร้อนปีหน้า ต้องยกให้แก่ Valentino x Porter แบรนด์กระเป๋าผ้าไนล่อนเจ้าดังจากญี่ปุ่นที่ครองใจผู้คนทั่วโลกมายาวนาน โดยนำลวดลาย Valentino Toile Iconographe มาตัดเย็บเป็นกระเป๋าเอกสาร, กระเป๋าโท้ท และกระเป๋าสะพายข้าง ทั้งคู่ร่วมรังสรรค์กระเป๋าหลากดีไซน์หลายขนาดที่ใช้งานได้ง่าย และใช้ได้แบบสมบุกสมบันในชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกันก็โดดเด่นด้วยสีสัน และการตกแต่งฮาร์ดแวร์โลโก้ ‘V’ ขนาดใหญ่

“ผมต่อต้านการตีกรอบใดๆให้สุนทรียศาสตร์” ปีเยร์ปาโอโล กล่าวเน้นย้ำถึงแนวคิดสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงาน เขาคือหนึ่งในนักออกแบบที่มักทำการคอลลาบอเรชั่น ชวนแบรนด์และคนสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ระดับใดมาร่วมงานกับแบรนด์หรูระดับกูตูร์อย่าง Valentino อยู่เสมอ ซึ่งนั่นคืออีกวิสัยทัศน์ที่ผมได้กล่าวไว้ตอนต้นว่าเขาให้ความสำคัญกับการศึกษาและปรัชญา การก้าวข้ามจากกรอบเดิมๆ และเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กันและกันด้วยศาสตร์ที่แต่ละรายเชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะคือเส้นทางที่ Valentino จะก้าวเดินต่อไป























































