รถจักรยานยนต์วิบากรุ่น TF 250-X จากไทรอัมพ์ถูกจับตามองจากนักขี่สายฝุ่นทั่วโลกหลังเผยสเปกระดับเทพที่นับได้ว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของวงการโมโตครอสขนาดกำลังเครื่องยนต์ 250 ซีซี ซึ่งบอกได้เลยว่าปรากฏการณ์ครั้งนี้ทำเอาเจ้าตลาดจากญี่ปุ่นสะดุ้งจนต้องหลิ่วตามอง
รถวิบากสี่จังหวะคันนี้ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด โดยไทรอัมพ์ได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ 2 แชมป์โลกอย่าง Ricky Carmichael และ Iván Cervantes โดยมีระบบการส่งกำลังที่ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะสูงสำหรับการแข่งขันและที่เห็นได้ชัดคือมีโครงอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาพิเศษขนาดกะทัดรัดเพรียวบางที่พร้อมสร้างการจดจำได้ทันทีเมื่อถูกพบเห็น
การเปิดตัว TF 250-X นับเป็นการลงทุนครั้งสำคัญ เพราะก่อนหน้านี้เรามันจะคุ้นหูคุ้นตากันว่าแบรนด์นี้ให้น้ำหนักในการประชาสัมพันธ์ไปที่มอเตอร์ไซค์แนว Modern Classic และตระกูล Road Bike ตลอดจนตลาดมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางค่อนข้างมาก แต่ในครั้งนี้ไทรอัมพ์ไม่เพียงแค่เติมความสดใหม่ให้กับโลกโมโตครอสเท่านั้น แต่ยังเน้นให้เห็นชัดในแง่ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองทุกสภาพการใช้งานจริงไปจนถึงใช้ในระดับการแข่งขันในสนามที่เริ่มเจาะตลาดตั้งแต่ระดับแชมเปี้ยนไปจนถึงมือสมัครเล่น
ไทรอัมพ์ได้พัฒนาระบบลูกสูบเดี่ยวแบบ 4 จังหวะใน TF 250-X ให้มีขนาดกะทัดรัดและมีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษด้วยวัสดุอย่างอะลูมิเนียมและวาล์วไทเทเนียม เครื่องยนต์ยังมีการเคลือบคาร์บอนแรงเสียดทานต่ำ ฝาครอบแมกนีเซียมน้ำหนักเบา และคลัตช์ Exedy นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยีระบบจัดการเครื่องยนต์ที่สามารถปรับแต่งได้ด้วยแอปฯ MX Tune Pro ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปรับค่า Map เครื่องยนต์ แสดงผลข้อมูลเซนเซอร์เครื่องยนต์และมีฟังก์ชั่นวิเคราะห์ข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ โดยควบคุมได้ผ่านระบบการจัดการเครื่องยนต์ที่ตั้งโปรแกรมไว้
TF 250-X โดดเด่นด้วยโครงรถอะลูมิเนียม เฟรมรถน้ำหนักเบาแต่มีความทนทานสูงพร้อมโครงเหล็กแขนคู่ที่ได้ออกแบบมาเพื่อสร้างความสมดุลและความยืดหยุ่นที่เหมาะสม จึงทำให้น้ำหนักรวมของรถจักรยานยนต์คันนี้สร้างมาตรฐานใหม่ โดยมีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนัก (PWR) ที่ดีที่สุดในรถคลาสเดียวกัน นอกจากนั้นยังมีสเปกระดับพรีเมียม ประดับประดาอยู่รอบคัน ไม่ว่าจะทั้งระบบกันสะเทือนสเปกสูงของ KYB โช้กคอยล์ AOS ขนาด 48 มม. รวมถึงแคลมป์สามตัวที่ทำจากอะลูมิเนียมและโช้กหลังคอยล์สปริง ระบบเบรกระดับพรีเมียมจากค่าย Brembo คาลิเปอร์คู่หน้าขนาด 24 มม. คาลิเปอร์หลังลูกสูบเดี่ยวขนาด 26 มม. และดิสก์เบรกหน้า Galfer ขนาด 260 มม. และดิสก์เบรกหลังขนาด 220 มม. ขอบล้ออะลูมิเนียมซีรีส์ DirtStar 7000 และดุมล้ออะลูมิเนียมกลึง พร้อมยาง Mid Soft ของ Pirelli Scorpion MX32 รวมทั้งแท่งแกนคาร์บอนจาก ProTaper ACF และกริปล็อกจาก ODI ที่พอนำมามัดรวมกันแล้วทำให้รถจักรยานยนต์คันนี้ถูกขนานนามในวงการรถวิบากว่าเป็นรถสเปกเทพได้อย่างไม่น่าแปลกใจ
FULL ACCESSORY SUPPORT
นอกเหนือจากสเปกเทพที่รวมมิตรอยู่ในมาตรฐานติดตัวรถที่ออกมาจากสายการผลิตแล้ว ไทรอัมพ์ยังได้ทำงานร่วมกับแบรนด์อุปกรณ์ตกแต่งระดับพรีเมียมเพื่อผลิตอุปกรณ์เสริมสำหรับการแข่งขันที่จะมาช่วยดันประสิทธิภาพและขีดความสามารถให้ดีเยี่ยมยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นท่อไอเสียไทเทเนียมของ Akrapovič, อุปกรณ์ช่วยออกตัวรถจาก XTrig, กล่องควบคุมการออกตัวจาก Athena LC-GPA พร้อมระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (Traction Control), ไฟ LED แสดงความเร็วรอบเครื่องยนต์, ระบบ Wi-Fi MX Tune Pro และเบาะนั่งกันลื่นพร้อมชุดเปลี่ยนตัวถัง ซึ่งนอกจากออปชั่นหรูหราที่เพิ่มเติมมาชวนกระชากทรัพย์หลากหลายรายการแล้ว ไทรอัมพ์ไม่เคยลืมการเสริมความหล่อเหลาให้กับผู้ขับขี่ไม่ว่าจะในโมเดลไหนก็ตาม ในครั้งนี้ก็เช่นกัน โดยได้ร่วมมือกับแบรนด์ Alpinestars แบรนด์อันดับหนึ่งของผู้ที่ชื่นชอบทางฝุ่นซึ่งครอบคลุมตั้งแต่รองเท้าและเครื่องแต่งกายของการขับขี่สไตล์ Motocross และ Enduro ไว้อย่างครบถ้วน
Triumph MX Centers
ตั้งแต่ต้นปี 2024 ที่ผ่านมา ไทรอัมพ์ได้เปิดศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับ Motocross และ Enduro โดยเริ่มเปิดทำการในยุโรป ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา และจะเปิดอีก 300 แห่งทั่วโลกภายในสิ้นปีนี้ โดยศูนย์เหล่านี้เป็นศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญทางการขับขี่แนวออฟโรดโดยเฉพาะ ที่พร้อมให้บริการด้านการขาย การบริการ อะไหล่ เสื้อผ้าและสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน เสริมด้วยระบบออนไลน์ในการจัดหาชิ้นส่วนอะไหล่และอุปกรณ์ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ซึ่งเราสามารถเลือกชมแคตาล็อก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และออปชั่นเสริมต่าง ๆ นี้ได้ที่เว็บไซต์ไทรอัมพ์ที่ได้รับการพัฒนาให้ใช้งานง่ายบนโทรศัพท์มือถือ ผู้ขับขี่จึงสามารถค้นหาอะไหล่ ตรวจสอบราคา ความพร้อมของสินค้า และสามารถสั่งซื้อได้แม้ในขณะนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ที่บ้านหรือแม้ขณะอยู่ในสนามแข่ง
