ช่วงทศวรรษ 1960 นับเป็นจุดกำเนิดของอิทธิพลการสร้างสรรค์ ทั้งนวัตกรรม เทคโนโลยี ตลอดจนงานดีไซน์ขึ้นมากมาย เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในโลกของนาฬิกาที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมและความต้องการของยุคสมัย อย่าง การปฏิวัติด้านความเที่ยงตรงและแม่นยำของนาฬิกาจับเวลา เพื่อให้ตอบรับกับความต้องการและการใช้งานในสนามแข่งขันความเร็วที่กำลังได้รับความสนใจ รวมถึงงานออกแบบนาฬิกาด้วยลุคสปอร์ตทันสมัยที่ตอบโจทย์ความหลงใหลของทั้งเหล่านักขับ นักสะสม และผู้ที่ชื่นชอบเรือนเวลาด้วยเช่นกัน

ในยุคนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญของ Seiko โดยเฉพาะด้านการบุกเบิกและผลิตนาฬิกาจับเวลาที่พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด รวมไปถึงการได้สวมบทบาทในฐานะผู้สนับสนุนด้านการจับเวลาและบอกเวลาในสนามแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติมากมาย เช่นเดียวกับบทบาทในสนามแข่งขันความเร็วที่ซึ่งความแม่นยำในทุกเสี้ยววินาทีนั้นมีความหมายต่อผลแพ้ชนะ และ Seiko ก็ได้ตอบสนองความต้องการนี้ด้วยนวัตกรรมนาฬิกากลไกโครโนกราฟรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมการยกระดับด้านความแม่นยำของการจับเวลา ด้วยระบบ Vertical clutch และ Column wheel ที่นับเป็นชิ้นส่วนสำคัญสู่เทคโนโลยีนาฬิกาจับเวลาอันก้าวล้ำสมัย และเปิดตัวอยู่ในนาฬิกาที่ได้กลายเป็นอีกหนึ่งผลงานระดับไอคอน อย่าง SPEEDTIMER ในปี 1969

ในปีเดียวกัน อีกฟากฝั่งของเทคโนโลยีแห่งโลกยานยนต์ก็ได้เปิดตัวสปอร์ตคาร์ Datsun 240Z ที่สร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลก โดยเฉพาะในญี่ปุ่นและทวีปอเมริกาเหนือ จากเรื่องราวความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพ ที่รถรุ่นตำนานนี้ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่การร่วมแข่งขันแรลลี่ระดับโลกที่ต้องอาศัยทั้งความเร็ว ความแรง สมรรถนะ และเทคโนโลยีเพื่อเดินหน้าสู่การคว้าชัยชนะของการแข่งขัน จากความเหมือนและจิตวิญญาณอันท้าทายที่คล้ายกันระหว่าง 2 แบรนด์ และ 2 โลกแห่งนวัตกรรมนี้ จึงเดินทางมาบรรจบกันในปี 1971 เมื่อ Seiko ได้ร่วมให้การสนับสนุน Datsun 240Z ซึ่งมีเอกลักษณ์ของรถสปอร์ตสีแดงสุดไอคอนิก พร้อมด้วยหมายเลข 11 และโลโก้ Seiko ในการลงชิงชัยบนเส้นทางแสนทรหดระยะทางกว่า 6,200 กิโลเมตรของการแข่งขัน East-African Safari Rally ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสนามแข่งแรลลี่ที่หฤโหดที่สุดในโลก

เรื่องราวที่เริ่มต้นขึ้นจาก 2 ตำนานเดินทางมาพบกัน และกลายเป็นไอคอนของทั้งความเที่ยงตรงแม่นยำและความเร็วอย่างเหนือกาลเวลานี้ จึงนำทางมาสู่การสร้างสรรค์นาฬิการุ่นใหม่ในวันนี้ กับ Seiko Prospex SPEEDTIMER DATSUN 240Z Limited Edition ที่มาพร้อมนาฬิกาทั้งหมด 3 รุ่น 3 สไตล์ แต่ต่างก็หลอมรวมไว้ด้วยเทคโนโลยีด้ายความแม่นยำของ Seiko และจิตวิญญาณสปอร์ตคาร์ของ Datsun 240Z พร้อมทั้งถ่ายทอดผ่านงานออกแบบไอคอนิกที่ชวนให้เราหวนนึกถึงสไตล์เฉพาะตัวของทั้งคู่ โดยเฉพาะสไตล์ของยุคทองในช่วงปลายทศวรรษ 1960 ถึง 1970 อีกด้วย
จุดเด่นแรกของนาฬิกาทั้ง 3 รุ่น ต้องขอยกให้กับการใช้เฉดสีแดงและสีดำไอคอนิกที่เห็นแล้วก็พลันนึกถึงสีตัวถังของรถ Datsun 240Z ซึ่งนำมาใช้เป็นฉากหลังให้กับการแสดงเวลา โดยตัดระหว่างพื้นหลังสีดำและขาวกับรายละเอียดสีแดงต่างๆ อย่าง เข็มวินาทีสีแดง รับกับสเกลสีแดงบน Chapter ring สำหรับฟังก์ชันนับเวลาถอยหลัง หรือ Countdown timer รวมถึงยังเติมสไตล์สปอร์ตไว้ด้วยตัวเลขอารบิกบนขอบรอบนอกสุดของหน้าปัดที่ถอดต้นแบบมาจากหน้าปัดมาตรวัดของ Datsun 240Z นำมาพลิกแพลงให้มีรูปลักษณ์ที่ลงตัวเข้ากับหน้าปัดนาฬิกาข้อมือมากขึ้น แต่ยังคงให้อารมณ์แบบสปอร์ตคาร์ไว้อย่างชัดเจน
หนึ่งในผลงาน 3 รุ่นพิเศษนี้ คือสไตล์ที่หลอมรวมความเป็นไอคอนระหว่าง 2 โลกไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม ในนาฬิการุ่น Seiko Prospex SPEEDTIMER Mechanical Datsun 240Z Limited Edition รหัส SPB517X ที่อวดโฉมด้วยจิตวิญญาณแห่งความเร็วและความแม่นยำซึ่งจัดมาแบบครบเครื่อง พร้อมทั้งขับเคลื่อนด้วยกลไก Caliber 6R55 ภายใต้รูปโฉมใหม่ของตัวเรือน หน้าปัด และงานออกแบบที่ตอกย้ำถึงความชัดเจนสำหรับการอ่านค่าได้อย่างรวดเร็ว และความแม่นยำตามสไตล์ดั้งเดิมของนาฬิกาจับเวลา รุ่นนี้มาในตัวเรือนขนาด 39.5 มม. กะทัดรัดมากขึ้น แต่ยังคงอัดแน่นไว้ด้วยประสิทธิภาพ โดยเฉพาะฟังก์ชันนับเวลาถอยหลังที่จำเป็นสำหรับการแข่งขัน พร้อมความสะดวกสบายในการใช้งานโดยอาศัยเพียงการหมุนขอบ Chapter ring ผ่านเม็ดมะยมที่ตำแหน่ง 4 นาฬิกา ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากความรวดเร็ว ฉับไว อย่าง ช่วงเวลาเปลี่ยนยางหรือเติมน้ำมัน และการจับเวลาช่วงสำคัญ อย่าง เวลาที่เหลือก่อนเริ่มการแข่งขัน ถอดสายเลือดของมอเตอร์สปอร์ตมาแบบครบสูตร และขาดไม่ได้ในฐานะนาฬิการุ่น Limited Edition ที่รุ่นนี้ไม่เพียงผสมผสานความเป็นไอคอนของสปอร์ตคาร์ระดับตำนาน แต่ยังจารึกความเป็นตำนานไว้ด้วยโลโก้หลักของแบรนด์ Datsun บนหน้าปัดแล้ว และบนฝาหลังประทับด้วยโลโก้ Datsun ดีไซน์ยุคเดียวกับเมื่อปี 1969 โดยใช้เทคนิคแกะสลัก พร้อมด้วยคำว่า ‘LIMITED EDITION’ และหมายเลขประจำตัวเรือน

ตามมาด้วยรุ่น Seiko Prospex SPEEDTIMER Mechanical Chronograph Datsun 240Z Limited Edition รหัส SRQ057J กับมาดคมเข้มและทันสมัย พร้อมความก้าวล้ำของกลไก Caliber 8R48 ที่เลือกใช้ Vertical clutch และ Column wheel ตามแบบนาฬิกาไอคอนยุคแรกมาปรับประยุกต์ โดยการผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยี MEMES (Micro-Electro-Mechanical Systems) เพื่อให้จับเวลาได้อย่างแม่นยำ เชื่อถือได้ รวมถึงเสริมประสิทธิภาพการอ่านค่าได้อย่างรวดเร็วผ่านดีไซน์หน้าปัดย่อยแสดงผลการจับเวลา 30 นาที และ 12 ชั่วโมงไว้แบบชัดเจน รุ่นนี้เผยโฉมมากับลุคคมเข้ม แต่ยังคงไว้ด้วยกิมมิกแบบสปอร์ตคาร์ ทั้งตัวเรือนและหน้าปัดโทนสีดำ ตัดกับเข็มจับเวลาสีแดง และตัวเลขสีแดงบนสเกล Tachymeter ของขอบตัวเรือนซึ่งอ้างอิงมาจากขอบตัวเรือนนาฬิการุ่นต้นฉบับเมื่อปี 1969 ประทับไว้ด้วยโลโก้ Datsun แบบตัวเขียนบนหน้าปัด ส่วนฝาหลังยังคงเป็นโลโก้แบบแกะสลัก พร้อมคำว่า ‘LIMITED EDITION’ และหมายเลขประจำตัวเรือน

ส่งท้ายกับความโฉบเฉี่ยวของ Seiko Prospex SPEEDTIMER Solar Chronograph Datsun 240Z Limited Edition รหัส SSC957J ที่ถือว่าลงตัวระหว่างต้นตำรับนาฬิกาสปอร์ตแห่งความเร็ว สปอร์ตคาร์ไอคอนิก และสไตล์แคชวลมากขึ้นสำหรับสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวันและเข้ากับหลากหลายลุคของหนุ่มๆ รุ่นนี้จึงเป็นงานปิดจบที่สมบูรณ์แบบ ทั้งความครบเครื่องของเทคโนโลยีกลไกโครโนกราฟพลังงานแสงอาทิตย์ อย่าง SPEEDTIME Solar Chronograph Caliber V192 ที่หากชาร์จพลังงานเต็ม ก็สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 6 เดือน มาพร้อมดีไซน์อันคุ้นเคยของ SPEEDTIMER แต่เด่นยิ่งขึ้นกับลุคทูโทนระหว่าง สเตนเลสสตีลสีเงิน ขอบตัวเรือนอลูมิเนียมแบบ Bi-color พร้อมด้วยมาตรวัด Tachymeter และข้อสายกลางเคลือบ IP สีดำ สื่อถึงสีของกระโปรงรถตามแบบฉบับแรลลี่คาร์ของ Datsun เติมดีกรีความพิเศษของงานคอลแลบฯ ซีรีส์นี้ไว้ด้วยหน้าปัดประทับโลโก้ DATSUN ใต้ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ส่วนฝาหลังตกแต่งด้วยภาพประกอบต้นฉบับของรถแรลลี่ Datsun 240Z และสลักคำว่า ‘LIMITED EDITION’ พร้อมด้วยหมายเลขประจำตัวเรือนเช่นกัน


นาฬิกาทั้ง 3 รุ่นยังมาพร้อมกับกล่องบรรจุออกแบบขึ้นด้วยดีไซน์เฉพาะตัวของแต่ละรุ่น เรียกว่าเอาใจทั้งสายสปอร์ตคาร์ บรรดานักสะสม และสาวกนาฬิกาเบอร์ไอคอนตัวจริง ที่ผลงานมาสเตอร์พีซเหล่านี้ควรค่ายิ่งสำหรับการเลือกมาไว้ในครอบครอง

