Words: Millennium Caveman
Photo: Shutterstock
“ฉันมาเพื่อจัดการแก” เช่นเดียวกับหลายโปรดักต์จำพวกเทคโนโลยีที่มักมีการท้ารบกับอาณาจักรแอปเปิลผู้เรืองอำนาจ บัดนี้ Samsung ได้ออกมอนิเตอร์รุ่นใหม่ ‘ViewFinity S9’ หากดูภายนอกและชั่งน้ำหนักเพียงคร่าวก็พบว่า นี่คือคู่ต่อสู้ของ Apple Studio Display โดยแท้
เวทีที่ปะทะกันโดยตรงคือกลุ่มผู้เป็นแรงงานด้านครีเอทีฟ อาทิ ช่างภาพ กราฟิกดีไซเนอร์ โดยมีเกณฑ์เดียวกัน ทั้งคู่เป็นจอขนาด 27 นิ้ว พร้อมความละเอียดระดับ 5K (5120 x 2880) เป็นอีกโจทย์สำคัญ ด้วยสเปกดังกล่าวเวทีนี้ต้องแยกจากมาตรฐานเวทีใหญ่อันมีความละเอียด 4K เป็นเกณฑ์ เพราะหากวัดกันด้วยราคา ViewFinity S9 จะเสียเปรียบมอนิเตอร์กลุ่ม 4K โดยทันที เนื่องจากหากยึดจุดประสงค์เพื่อประกอบอาชีพเพียงอย่างเดียว ราคาจำเป็นต้องนำมาพิจารณาด้วยเพราะถือว่าเป็นต้นทุน เพราะทั้งจากซัมซุงเองและจากแบรนด์อื่นก็มีมอนิเตอร์คุณภาพใช้งานได้ดี โดยราคาต่างกันอย่างชัดเจน
Specs
แม้ทุกวันนี้ชาวโลกคล้ายเสพติดการเสพสื่อจากหน้าจอโทรศัพท์ด้วยคลิปถ่ายทำเร็ว ๆ ก็ตาม แต่เมื่อเจาะกลุ่มครีเอทีฟเวิร์กเกอร์ ความแม่นยำของการแสดงผลคือเรื่องจำเป็น โดยมอนิเตอร์ใหม่เอี่ยมจากซัมซุงก็ทำได้อย่างไร้ข้อกังขา
ViewFinity S9 เป็นจอ IPS (in-plane switching) ซึ่งเป็นประเภทที่โดดเด่นเรื่องความคมชัดของภาพและสีอยู่แล้ว สามารถแสดงขอบเขตสีได้ถึง 99% จากมาตรฐาน DCI-P3 พร้อมความละเอียดภาพ 218PPI และมีค่าความสว่างที่ 600 cd/m² ทั้งนี้ด้วย Refresh Rate สูงสุดที่ 60 Hz อาจขัดใจชาวเกมเมอร์นิดหน่อย แต่ก็อาจเพราะไม่อยากให้วอกแวกจากงาน
ผิวจอของ ViewFinity S9 เป็นแบบด้าน (Matte display) มีประโยชน์ในการลดเงาสะท้อนบนจอ สำหรับต่อกรกับแสงไม่พึงประสงค์ เช่น โคมไฟหรือหน้าต่าง ในขณะเดียวกัน คุณสมบัติที่ว่าก็ทำให้ความสดหรือการตัดกันของสีต่างจากผิวจอแบบมันวาว ซึ่งดูฉูดฉาดกว่า ทั้งนี้ด้วยสเปกการแสดงผลของ ViewFinity S9 ที่อยู่ในระดับดีเยี่ยม ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องความคมชัด
เพิ่มเติมเรื่องความตรงของสี ซึ่งมักเป็นความเจ็บปวดของอาชีพเรามาหลายคราว (ผู้เขียนก็มีชะตากรรมนี้) เนื่องด้วยจอแต่ละแห่งไม่ว่าโทรทัศน์หรือโทรศัพท์มักต่างกันอยู่แล้วไม่มากก็น้อย กรณีอย่างการทำงานบนมอนิเตอร์ที่บ้านและส่งไฟล์ให้ทีมงานดู แต่ดันเปิดดูบนมือถือก็ชวนให้เข้าใจคลาดเคลื่อนกันหลายคราว ทั้งนี้ปัญหาที่ว่าถูกบรรเทาด้วยแอป Smart Calibration นวัตกรรมการจูนสีหน้าจอจากซัมซุง ซึ่งใช้กับ ViewFinity S9 ได้อีกด้วย
Design
คะเนว่าการออกแบบปรับมาจาก Apple Studio Display ในหลาย ๆ แง่ ทั้งหน้าตาและการใช้งาน รูปลักษณ์ไม่ได้หยุดแค่ใช้งานสะดวก สู้งานยาว ๆ เท่านั้น แต่ยังต้องแลดูรสนิยมดีเยี่ยม ห้ามน้อยหน้าเพื่อนในกลุ่มจัดโต๊ะคอม ประหนึ่งว่าบนโต๊ะทำงานต้องสวยเป็นระเบียบ แม้ไฟล์บนเดสก์ท็อปจะรกแค่ไหนก็ตาม
แม้คล้ายกันแต่มีการใช้งานบางรายละเอียดที่แตกต่าง เรื่องแรกค่อนข้างชวนแปลกใจเล็กน้อยสำหรับ Apple Studio Display ที่ไม่สามารถถอดสายจ่ายไฟด้านหลังออกจากตัวเครื่องได้ ติดกันไปตลอดเหมือนมีหาง ในขณะที่ ViewFinity S9 ถอดสายออกมาได้โดยที่สายนั้นมีอะแดปเตอร์พ่วงอยู่ด้วย เช่นเดียวกับการประกอบอวัยวะระหว่างจอและขาตั้ง ซึ่ง ViewFinity S9 สามารถถอดหรือประกอบ รวมถึงการขยับหรือหมุนเพื่อใช้เป็นแนวตั้งได้อย่างอิสระ ซึ่ง Apple Studio Display คือมอนิเตอร์ที่ต้องตัดสินใจเลือกขาตั้งตั้งแต่ทีแรกที่ซื้อ ประกอบอย่างถาวร ไม่สามารถเปลี่ยนได้ในภายหลัง และแน่นอนว่าต้องจ่ายเงินเพิ่มหากต้องการขาตั้งที่ขยับได้
อย่างไรก็ตามด้วยวัสดุที่แตกต่างกัน อาจหมายถึงการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน โดยมอนิเตอร์จากแอปเปิลเป็นอะลูมิเนียม ในขณะที่ของซัมซุงเป็นพลาสติก การใช้งาน ViewFinity S9 จึงเหมาะกว่าหากจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายจอ อย่างมอนิเตอร์สำหรับโอเปอเรตการถ่ายภาพ ซึ่งดูหลายคนและบางครั้งต้องย้ายตำแหน่ง ดังนั้นการอัปเกรดขาตั้งอะลูมิเนียมของ Apple Studio Display จึงไม่ใช่เรื่องจำเป็น หากเป็นการทำงานอยู่กับที่และมีคนงานใช้เพียงคนเดียว
จุดที่น่าเสียดายเล็กน้อยของ ViewFinity S9 คือการมีพอร์ตรับข้อมูลอยู่หลังจอในลักษณะที่ต้องเสียบสายเข้าตรง ๆ (บางมอนิเตอร์มีพอร์ตอยู่ใต้จอ และมีลักษณะเสียบสายแบบแทงขึ้น) หากต้องวางจอเกือบชิดผนังจะกลายเป็นจุดอับสายตา ซึ่งหากต้องเปลี่ยนเอ็กซ์เทอร์นัล ฮาร์ดดิสก์เพราะมีเหตุให้หาไฟล์เก่าบ่อย ๆ ก็ชวนหงุดหงิดเล็กน้อย โดยพอร์ตที่ซัมซุงให้มา ได้แก่ Thunderbolt 4 กับ Mini Display อย่างละ 1 รู และ USB-C ถึง 3 รูด้วยกัน โดยการเชื่อมมอนิเตอร์กับแล็ปท็อปเป็นการชาร์จแบตเตอรีโดยทันที
ตลอดจนกล้องหน้าก็ทำออกมาอย่างจริงจังด้วยความละเอียดถึง 4K ชัดไม่เกรงใจใครในซูม โดยกล้องนั้นมีฝาปิดและมีขั้ว POGO Pin สามารถถอดออกได้
มีสิ่งที่ยังคงสงสัยเสมอ ทำไม Apple Studio Display ถึงไม่รองรับ Airplay เป็นฟังก์ชันที่สร้างความสะดวกในการ mirror หน้าจอเป็นอย่างดี ซึ่งทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ ViewFinity S9 ดันมีทักษะนี้เสียอย่างนั้น นอกจากนี้หากอยากอู้งาน จอซัมซุงตรงหน้ากลายเป็นโทรทัศน์ได้ด้วย ซึ่งเป็นระบบเดียวกับที่ซัมซุงใช้กับสมาร์ตทีวีแบรนด์ตนเอง เรียกว่าแถมทีวีพร้อมใช้งานก็ได้ เพราะมีลำโพงในตัวและรีโมตคอนโทรลอีกด้วย
สรุปแล้ว ViewFinity S9 ถือเป็นมอนิเตอร์ที่ฉลาดเกินจอทั่วไปและใช้งานทำงานได้เป็นอย่างดี กับคำถามที่ว่า ใช่คู่ต่อสู้ของ Apple Studio Display หรือเปล่า คำตอบคือ ใช่ เป็นแล้ว โดยดูจากสำนักรีวิวเริ่มหยิบมาเปรียบเทียบกัน แต่ถ้าถามว่าชนะน็อกเลยไหม คำตอบคือ ไม่ แอปเปิลมีมาตรฐานของเขาเองและกลุ่มแฟนคลับที่เหนียวแน่น แต่อย่างน้อยการท้าชิงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ย่อมเป็นความก้าวหน้าของมนุษยชาติ