อัญมณีเม็ดงามท่ามกลางผืนป่า ‘Rosewood Luang Prabang’

Words & Photo: Kant Jominta

ไม่ได้มาหลวงพระบางนานเกือบ 5 ปี แต่ดินแดนแห่งนี้กลับยังคงสวยงาม มีความสโลว์ไลฟ์เหมือนกับถูกสตัฟฟ์ไว้ ทริปนี้เรามาพักผ่อนที่ ‘Rosewood Luang Prabang’ รีสอร์ตหรูที่ขยับตัวเองออกไปตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองเล็กน้อย ข้อดีก็คือเงียบสงบมาก สามารถสัมผัสกับธรรมชาติแบบ 360 องศา ภายใต้บรรยากาศของป่าใหญ่ ต้นไม้เขียวขจี มีเสียงนกร้อง จักจั่น ประสานกับเสียงน้ำตกดังกังวานไปทั่วผืนป่า ราวกับวงออร์เคสตราจากธรรมชาติ

เราใช้บริการสายการบินบางกอกแอร์เวย์ บินตรงจากสุวรรณภูมิถึงสนามบินนานาชาติหลวงพระบางทุกวัน พนักงานขับรถของรีสอร์ตมารอต้อนรับถึงด้านในสายพานกระเป๋า จัดการเรื่องสัมภาระเรียบร้อยเราก็นั่งรถของรีสอร์ตต่อไปอีกไม่ไกลมาก ใช้ระยะเวลาประมาณ 25 นาที 

ระหว่างทางที่รถแล่นผ่านเรามองเห็นบ้านเรือน วิถีชีวิต ผู้คนที่คุ้นตา เป็นการอุ่นเครื่องก่อนจะก้าวเข้าสู่โลกของหลวงพระบางที่ ‘Bill Bensley’ ดีไซเนอร์ชื่อดังเจ้าของฉายา พ่อมดแห่งวงการออกแบบโรงแรม ได้บรรจงเนรมิตขึ้นอย่างวิจิตรและเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจในแบบฉบับของ Bensley Studio

ห้องพักมีหลายแบบ รวมทั้งสิ้น 23 ห้อง มีทั้งห้องที่อยู่บนอาคาร เป็นเต็นท์ตั้งอยู่บนเขา และมีวิลลาริมน้ำตก เราเลือกเป็นแบบหลังเพราะอยากนั่งฟังเสียงน้ำไหลให้ธรรมชาติช่วยฮีลใจ และได้แช่น้ำให้เย็นสบายในวันพักผ่อนแบบนี้

ภายในห้องพักจัดวางฟังก์ชั่นแยกกันระหว่างส่วนพักผ่อนด้านนอก เตียงนอนและห้องแต่งตัวด้านในสุด ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานของ Rosewood ไม่ว่าจะเป็นเสื้อคลุมอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวยังคงใช้ของ Frette แบรนด์เครื่องนอนที่ดีที่สุดในโลกจากอิตาลี เราชอบบรรยากาศของการอาบน้ำด้านนอกที่รองน้ำใส่โอ่งแล้วตักอาบ ดูคลาสสิกดี มีความย้อนยุคนึกไปถึงตอนสมัยเด็ก 

เฟอร์นิเจอร์และเครื่องตกแต่งที่บิลนำมาประดับห้องพักถือว่าเข้ากันได้ดีมาก บางชิ้นเป็นของเก่าแท้ แต่บางชิ้นเป็นของเทียมที่ทำเลียนแบบมาให้เก่า ซึ่งทำได้เหมือนจริงและสวยงามจนเราแทบแยกไม่ออก

แต่ละห้องพักมีเรื่องราวที่อบอวลไปด้วยมรดกของนักสำรวจชาวฝรั่งเศสยุคอาณานิคมที่ผสมผสานกับอิทธิพลของราชวงศ์และชาวเขาที่ออกแบบและเรียกชื่อแตกต่างกันออกไป ถ้าอยากซึมซับให้ครบทุกห้อง เห็นทีต้องมาพักอีกหลาย ๆ ครั้ง

ทุกเช้าเราต้องไปนั่งจิบกาแฟลาวที่เฉลียงหน้าบ้าน ให้อารมณ์เหมือนได้กลับไปพักผ่อนที่บ้านต่างจังหวัด นั่งฟังเสียงน้ำตกไหลกระทบด้านหน้าวิลลา เบื่อ ๆ ก็ลงไปแช่น้ำในสระด้านหน้า หาอะไรจิบเบา ๆ เคล้าคลอไปกับบรรยากาศและธรรมชาติแวดล้อม

La Grande Maison หรือ The Great House เป็นอาคารเปิดโล่งซึ่งทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในการต้อนรับแขกผู้มาเยือน เป็นทั้งล็อบบี้ ห้องอาหาร และสถานที่จัดประชุม ติดกันมีสระว่ายน้ำรูปวงรีขนาดใหญ่ พร้อมที่นั่งจัดวางไว้โดยรอบ และจัดแยกไว้สำหรับใครอยากไปนั่งปลีกวิเวกอยู่ริมน้ำตก เป็นไปตามคอนเซปต์ ‘A Sense of Place’ ของแบรนด์ Rosewood 

ส่วนมื้อค่ำไปทานอาหารแบบ ‘Farm to Table’ สไตล์หลวงพระบาง เสิร์ฟมาแบบอลังการในถาดสีแดงราวกับอาหารชาววัง ส่วนตัวชอบสลัดหลวงพระบางที่สุด เต็มไปด้วยผักนานาชนิด มีไข่ต้มและราดด้วยน้ำสลัดแบบมายองเนสดูวินเทจดี มื้อค่ำยังมีอีกหลายเมนูคุ้นตาทว่าไม่ค่อยคุ้นลิ้นเท่าไรนัก หน้าตาคล้ายกับอาหารทางภาคเหนือของไทยแต่รสชาติจะเบาบางกว่ามาก

อาหารเช้าก็ทานที่ La Grande Maison เช่นกัน เป็นการสั่งตามเมนู ไม่มีการจัดไลน์บุฟเฟต์เอาไว้ให้เดินตักแต่อย่างใด แต่รสชาติอาหารถือว่าดี เราสั่งทั้งเซ็ตอาหารอเมริกันและอาหารไทยง่าย ๆ มาลองทาน ส่วนตัวชอบข้าวผัดเพราะได้รสชาติเหมือนที่เคยกินสมัยเด็ก ใส่คะน้าก้านใหญ่ ๆ ซีอิ้วดำหนัก ๆ ส่วนข้าวซอยดูไม่ค่อยถูกใจเท่าไร ไม่หอมเครื่องเทศซุปข้าวซอย ออกแนวเป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่เสียมากกว่า

ใกล้กันกับ La Grande Maison จะมี Elephant Bridge Bar ตกแต่งด้วยไม้แกะสลักเป็นรูปช้างจัดวางเอาไว้เยอะมาก บาร์อยู่บนอาคารไม้ที่ทำหน้าที่เป็นสะพานไปในตัว ถือว่าอยู่กึ่งกลางของรีสอร์ตพอดี ทำให้แขกทุกคนที่เข้าออกห้องพักจะต้องเดินผ่านบาร์แห่งนี้ เพื่อข้ามไปมาระหว่างห้องพักและอาคารต้อนรับด้านหน้า ดังนั้นบรรยากาศอาจจะไม่มีความเป็นส่วนตัวเท่าไร 

บาร์เป็นแบบเปิดโล่งรับวิวลำธารที่ไหลผ่านด้านล่าง ถ้าช่วงฤดูน้ำหลากน่าจะสวยมาก ได้นั่งจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ชมวิวไปเรื่อย ๆ ก็สบายใจดี มีเสียงน้ำตกไหลขับกล่อมไปพร้อมกับเพลงจากในบาร์สลับกัน

ก่อนกลับ แวะไปทำสปามาเพราะอยากรู้ว่านวดแผนลาวเป็นอย่างไร สรุปก็คือไม่รู้สึกแตกต่างกันมากนัก แต่ที่สัมผัสได้คือบรรยากาศของห้องนวดบนเนินเขาที่มองเห็นลำธารเบื้องล่างและป่าไม้สีเขียวปกคลุมเต็มไปหมด ช่วยให้ทริปนี้ดูผ่อนคลาย สบายราวกับได้ชาร์จแบตเตอรีชีวิตอีกครั้ง ก่อนจะต้องกลับมานั่งทำงานในกรุงเทพฯ กันต่อไป

หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับหลวงพระบางคือเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ทางวัฒนธรรมมากมายให้เราได้ไปสัมผัส ที่รีสอร์ตมีไกด์นำเที่ยวคอยให้บริการด้วย แต่เราไม่ได้ใช้ เพราะจะว่าไปก็เที่ยวหลวงพระบางมาครบทุกที่แล้ว ดังนั้น จึงเป็นทริปที่ต้องการพักผ่อนอยู่แต่ในรีสอร์ตตลอดทั้งวัน

Similar Articles

More