ตำนานความหรูหราของแบรนด์เสื้อผ้าสัญชาติอิตาลีอย่าง Loro Piana โดดเด่นขึ้น เมื่อตัวละคร Kendall Roy (เคนดัลล์ รอย) ที่รับบทโดย Jeremy Strong (เจเรมี สตรอง) ใน Succession ซีรีส์ดังซีซั่น 4 ทาง HBO นำมาใส่เป็นโททัลลุค เพื่อบอกเล่าถึงความต้องการของตัวละครที่สอดคล้อง และไปในทิศทางเดียวกันกับดีเอ็นเอของ Loro Piana สร้างชั้นเชิงให้ตัวละคร ‘เคนดัลล์’ ลูกชายคนรองของครอบครัว ‘โลแกน’ (รับบทโดย Brian Cox) เจ้าของธุรกิจสื่อทรงอิทธิพล มีมิติผ่านความต้ังใจในการแต่งกายที่แสนเรียบง่าย สวมใส่สบาย แต่วัสดุโคตรเจ๋ง ราคาอย่างสูง มาเสริมทั้งความรวยแบบไม่ต้องตะโกนก็แสบแก้วหู และวิสัยทัศน์การบริหารแสนเข้มข้น พร้อมฝ่าฟันทุกสถานการณ์แห่งสงครามแย่งชิงอำนาจ
‘เคนดัลล์’ จาก Succession ผู้เป็นป๋าดัน ‘Loro Piana’
ถึงแม้เจเรมีโบกมือลาเคนดัลล์ใน Succession ซีรีส์ดังซีซั่น 4 ไปแล้ว แต่ความชิกของเขากลับมาช่วยดันให้เทรนด์ ‘Quiet luxury’ หรือ ‘Stealth Wealth’ สร้างสไตล์เรียบหรู ดูแพง อย่างมีชั้นเชิงแบบ Loro Piana ที่สายแฟผู้รักโลกรู้ดีว่าไอเท็มจากแบรนด์ชื่อนี้น่าลงทุนแค่ไหน พร้อมประเดิมความต้องการแรกกับการครอบครอง Summer Charms Walk Loafers หรือรู้จักกันในนามว่า ‘The Billionaires Loafer’ รองเท้าทรง Slip-On ผลิตจากหนังลูกวัว ที่หลายคนโดยเฉพาะผู้หญิงอาจได้อินสไปร์มาจาก ลิซ่า-ลลิษา หรือ Lisa BLACKPINK มาสร้างไวรัลร่วมด้วย จนตอนนี้บนหน้าเว็บไซต์ของแบรนด์ขึ้นข้อความ ‘Sold out!’ ไปแล้ว เมื่อเริ่มชิ้นที่หนึ่ง ชิ้นต่อไปก็คงต้องมีเรื่อยๆ จนถึงไอเท็มเสื้อผ้าชิ้นแพงที่สุด ทำจากขนสัตว์จากวิคูญา หนึ่งในตระกูลอูฐ สายพันธ์ุพื้นเมืองบนเทือกเขาแอนดีส ที่สามารถตัดได้ทุกๆ สองปีเท่านั้น มาเสริมลุคดูดีสไตล์ Effortless ตามแบบเคนดัลล์
‘ความแพงของ Loro Piana’ เสน่ห์ที่เหล่าบุรุษต่างตกหลุมรัก
ไม่แปลกใจเคนดัลล์จะสวมใส่ Loro Piana ตั้งแต่หัวจรดเท้า รวมถึงเหล่าผู้ชายโหมดสุขุมก็มีแบรนด์นี้เป็นลิสต์อันดับต้นในการพุ้งตัวไปยังบูติก (ที่ไทยกำลังจะเปิดบูติกแรก ณ สยาม พารากอน ในช่วงตุลาคมนี้) หรือหากอยากให้เห็นชัดขึ้นผ่านรูปลักษณ์ คาแล็กเตอร์ของ Hyun Bin (ฮยอนบิน) นักแสดงเกาหลีใต้ ผู้ที่ขึ้นแท่น Brand Ambassador คนล่าสุดมาประกอบให้เห็นภาพ สะท้อนรสนิยมของการแต่งตัวที่เน้นดีไซน์เรียบง่าย งานตัดเย็บเนี้ยบ บนเนื้อผ้าคุณภาพสมบูรณ์แบบยากหาใครเทียบ ซึ่ง Loro Piana ทำมาได้ดีด้วยการการันตีความชำนาญเกือบ 100 ปี
กว่าจะมาเป็น Loro Piana แบรนด์หรูสัญชาติอิตาลี
นับตั้งแต่การก่อตั้งขึ้นในปี 1924 โดย Pietro Loro Piana (ปิเอโตร ลอโร่ เปียน่า) ผู้ริเริ่มเปลี่ยนจากการขายผ้าขนสัตว์เป็นการผลิตผ้า ต่อมาแบรนด์ได้เข้าสู่อุตสาหกรรมแฟชั่นเต็มตัวในปี 1941 โดย Franco Loro Piana (ฟรันโก้ ลอโร่ เปียน่า) หลานชายของเขา สร้างชื่อด้วยความนิยมและดีที่สุดของผ้าแคชเมียร์ จนกลายเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายชั้นนำให้กับช่างตัดเสื้อที่ดีที่สุดทั่วยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น ความสำเร็จนี้ได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ 70 กับ ‘รุ่นที่ 6’ Pier Luigi (ปีแอร์ ลุยจี) และ Sergio Loro Piana (เซร์คิโอ ลอโร่ เปียน่า) ที่ได้พัฒนา แคชเมียร์ วิคูญา และขนสัตว์เนื้อละเอียดพิเศษอีกหลากหลายชนิด และเป็นครั้งแรกที่ริเริ่มผลิตเสื้อผ้าเรดีทูแวร์ อยู่ในแผนกสินค้าหรูหรา (Luxury Good) ในทศวรรษที่ 80 โดยสร้างความสมดุลระหว่างความสง่างามและประโยชน์ใช้สอยอย่างลงตัว และ Loro Piana ได้เริ่มพัฒนาธุรกิจค้าปลีกในช่วงปลายทศวรรษ 1990 โดยเปิดร้านไปยังทั่วโลก
3 ทศวรรษที่ผ่านมาของ Loro Piana
ตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา Loro Piana พัฒนาเนื้อผ้าอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งผ้าวิคูญา เบบี้แคชเมียร์ และ The Gift of Kings® เพื่อให้ได้มาซึ่งคุณภาพที่ดีที่สุด รวมทั้งการค้นพบความมหัศจรรย์ของ Lotus Flower® และแคชเมียร์ที่ดีที่สุดในโลก เพื่อผลิตผ้าที่ทนทานต่อลม ฝน และความเย็น ไปพร้อมกับการเคารพผู้เพาะพันธุ์และสัตว์ที่ได้รับวัตถุดิบมา การคัดสรรตลอดการพัฒนา จนกลายเป็นไอเท็มที่ประทับตราชื่อ Loro Piana ไว้บนป้าย ล้วนเป็นความสำเร็จของแบรนด์ที่บรรจุในทุกไอเท็ม
ปัจจุบัน Loro Piana ดำเนินกิจการภายใต้การบริหารของ LVMH มาตั้งแต่ปี 2013 แต่แบรนด์ก็ยังคงไว้ซึ่งความคลาสสิกในรูปแบบใหม่ซึ่งอยู่เหนือเทรนด์และโลโก้
*Notes From Loro Piana
- วิคูญา (Vicuña)
เปรู โบลิเวีย และอาร์เจนตินา คือประเทศต้นกำเนิดของเส้นใยที่หายากและมีค่าที่สุดในโลก วิคูญา ต่อเนื่องมาจากการล่าขนอันมีค่าของวิคูญาอย่างไม่จบสิ้นเป็นเวลากว่าสี่ศตวรรษ ทำให้วิคูญาถึงขั้นเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ดังนั้นในปี 1994 Loro Piana ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มกิจการร่วมการค้าได้ลงนามในข้อตกลงกับรัฐบาลเปรูและชุมชนแอนดีส (Andean) ซึ่งให้สิทธิ์แก่บริษัทในการซื้อ แปรรูป และส่งออกเส้นใยขนวิคูญา ที่ได้รับจากการตัดขนสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น โดยพันธสัญญาของ Loro Piana ได้รับการต่ออายุอีกครั้งในปี 2008 ด้วยการสร้าง “Reserva Dr. Franco Loro Piana” ซึ่งเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติเอกชนแห่งแรกของเปรู ในพื้นที่คุ้มครองขนาด 2,000 เฮกตาร์ เหล่าวิคูญามีอิสระที่จะใช้ชีวิตในป่าอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้บริษัทยังคงปกป้องสายพันธุ์ในเปรูต่อไป โดยการสร้างแอ่งกักกันน้ำและแก้มลิงใต้ดิน เพื่อป้องกันวิคูญาจากสภาพพื้นที่ที่มีการแปรสภาพเป็นทะเลทรายซึ่งกำลังคุกคามที่อยู่อาศัยของสัตว์ นอกเหนือจากนี้ Loro Piana ยังสรรหา วิคูญาจากอาร์เจนตินาและโบลิเวียด้วยวิธีการที่ยั่งยืนและมาจากขนสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่โดยความร่วมมือกับประชากรในท้องถิ่นเพื่อจัดสรรขนเหล่านี้เฉกเช่นเดียวกัน
เส้นใยวิคูญานั้นได้มาจากสมาชิกขนาดเล็กของตระกูลอูฐ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับอูฐ อัลปากา และลามะ วิคูญาอาศัยอยู่ในป่าบนเทือกเขาแอนดีสที่ระดับความสูงกว่า 4,000 เมตร วิคูญาที่สง่างามนี้ไม่สามารถเลี้ยงในที่กักขังเนื่องจากวิคูญาแต่ละตัวต้องการพื้นที่ขนาด 1 เฮกตาร์เพื่อความอยู่รอด ขนเนื้อละเอียดเป็นพิเศษนี้จึงช่วยป้องกันฤดูหนาวอันโหดร้ายบนเทือกเขาแอนดีสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขนของวิคูญาจะถูกตัดตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิเป็นต้นไปในช่วงที่อากาศนั้นอุ่นขึ้น เมื่อขนถูกตัดเหล่าวิคูญาจะถูกปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติในทันทีและการเก็บขนนี้จะเกิดขึ้นทุกๆ 2 ปีเพียงเท่านั้น
- แคชเมียร์ (Cashmere)
แคชเมียร์คือขนแพะชั้นดีของแพะภูเขาที่โตเต็มวัย (Hircus) ซึ่งปลูกขึ้นเพื่อปกป้องสัตว์เหล่านี้จากสภาพอากาศที่รุนแรงของภูมิประเทศทะเลทรายที่เหล่าแพะอาศัยอยู่ แพะทุกตัวจะผลิตขนได้ประมาณ 200-250 กรัมต่อปีเท่านั้น และในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อสภาพอากาศอบอุ่นขึ้น แพะจะผลัดขนตามธรรมชาติ และผู้เลี้ยงแพะจะเก็บเกี่ยวแคชเมียร์โดยการสางขนของสัตว์อย่างเบามือ Loro Piana ได้คัดสรรแคชเมียร์มาจากประเทศจีนและมองโกเลีย ซึ่งทางบริษัทได้สร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย
- เบบี้แคชเมียร์ (Baby Cashmere)
เบบี้แคชเมียร์เป็นเส้นใยที่ได้จากขนลูกแพะ Hircus ที่ได้ผ่านกระบวนการหวีอันละเอียดอ่อนนี้เป็นการเก็บขนที่เกิดขึ้นภายใน 12 เดือนแรกของชีวิตสัตว์และเพียงครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น โดยแพะแต่ละตัวสามารถผลิตเส้นใยได้ไม่เกิน 30 กรัม ทำให้ได้เส้นใยมีความนุ่มและเบาอย่างหาที่เปรียบมิได้ Loro Piana ต้องใช้เวลาถึง 10 ปีในการโน้มน้าวผู้เพาะพันธุ์แพะให้เก็บขนแพะส่วนเกินของลูกแพะ เนื่องจากการเก็บขนนี้ Loro Piana ให้ความเคารพต่อวัฏจักรของธรรมชาติ ผู้เลี้ยงแพะจึงมีความเชี่ยวชานและรู้ถึงเวลาที่เหมาะสมในการเก็บขนจากการสังเกตสัตว์และการผันเปลี่ยนของฤดูกาล ซึ่งวิธีการนี้ได้นำมาจากภูมิปัญญาของเหล่าบรรพบุรุษที่ทำกันมาแต่เนิ่นนาน ซึ่งทำให้เบบี้แคชเมียร์เป็นหนึ่งในเส้นใยที่พิเศษที่สุดในโลก
- The Gift of Kings®
ขนแกะเมอริโนใน The Gift of Kings® คือขนแกะที่มีคุณภาพสูงสุดและดีที่สุดในโลกซี่งได้มาจากฝูงแกะเมอริโนที่คัดสรรอย่างเป็นพิเศษจากทุ่งหญ้าในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยทางบริษัทได้จัดทำข้อตกลงพิเศษระยะยาวกับกลุ่มเกษตรกรชาวออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เพื่อจัดซื้อขนแกะที่ดีที่สุด เส้นใยในจำนวน 13 ไมครอน นี้มีคุณภาพสูงสุดและเป็นเส้นใยอันมีความยืดหยุ่นได้ดีที่สุด ได้ถูกนำมาสร้างสรรค์ขึ้นเป็นเสื้อชั้นนอก เสื้อสเวตเตอร์ และเครื่องประดับในจำนวนจำกัดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอย่างแท้จริง การเพาะพันธุ์แกะเมอริโน (Merino) นั้นจำเป็นจะต้องดูแลอย่างเป็นพิเศษ โดยใช้ทักษะและความทุ่มเทเป็นอย่างมาก ทาง Loro Piana จึงมีการยกย่องผู้ผลิตด้วยการมอบรางวัล Loro Piana Record Bale ให้กับเส้นใยที่ดีที่สุดที่ผลิตในแต่ละปี โดยมอบขนแกะที่ดีที่สุดในโลกน้ำหนัก 100 กิโลกรัมที่ Loro Piana เก็บรักษามากว่า 25 ปีเป็นรางวัล
ชื่อ The Gift of Kings® ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมเนียมปฏิบัติของราชวงศ์สเปนในการมอบแกะเมอริโนคู่หนึ่งเป็นของขวัญแก่กษัตริย์องค์อื่น เพื่อเป็นเกียรติแก่ความสัมพันธ์และผนึกพันธมิตร นอกจากนี้แกะเมอริโนถือว่ามีค่ามากเสียจนชาวสเปนซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่เลี้ยงแกะเมอริโนเพื่อสร่างกำไร รองจากชาวโรมันและชาวฟินีเซียนที่เฝ้าดูแลพวกมันอย่างใกล้ชิดและห้ามไม่ให้ขายพวกมันออกนอกประเทศ หากในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษที่ 1700 แกะเมอริโนได้ถูกนำไปยังนิวซีแลนด์และออสเตรเลียซึ่งแหล่งอาศัยเหล่านี้มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างสูง ดังนั้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฝูงแกะเมอริโนจึงได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดโดยผู้เพาะพันธุ์ท้องถิ่นมาหลายชั่วอายุคน ทำให้ขนแกะเมอรอโนนั้นมีคุณภาพและความประณีตในระดับอันน่าอัศจรรย์ เป็นคุณภาพและความประณีตที่ Loro Piana นั้นหลงใหล
- The Lotus Flower®
สมบัติสิ่งทออันล้ำค่าเฉพาะจาก Loro Piana คือเส้นใยที่ได้มาจากดอกบัวที่เติบโตในน้ำของทะเลสาบอินเลในภาคตะวันออกของเมียนมาร์ ลำต้นของพืชน้ำชนิดนี้อันเป็นที่เคารพสักการะต่อพระพุทธเจ้า ได้ถูกนำมาใช้เพื่อผลิตเส้นใยที่ละเอียดและพิเศษที่สุด ซึ่งกระบวนการทุกขั้นตอนใน 24 ชั่วโมงแรกหลังเก็บเกี่ยวนั้นทำด้วยมือเท่านั้น โดยก้านดอกบัวจำนวน 6500 ก้านนั้นสามารถนำมาทอเป็นเส้นด้ายความยาวตัดเดียวสำหรับเสื้อเบลเซอร์เท่านั้น
Photos by courtesy of Brand