บลู-พงศ์ทิวัตถ์ ตั้งวันเจริญ หนุ่มอัธยาศัยดีที่หวนกลับมาร่วมงานกับนิตยสารแอลเมนอีกครั้งในฐานะฟรอนต์แมนฉบับเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ คราวนี้เขาปรากฏกายในโททัลลุคจาก Louis Vuitton Fall-Winter 2024 Menswear Collection พกเอาความสดใสมาพร้อมกับมาดคาวบอยสุดเซอร์ไพรส์ ทว่ายังตอบทุกคำถามอย่างจริงใจและเป็นตัวเองเหมือนเคย
บทสนทนากับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการพาเขานั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปประมวลเรื่องราวในพาร์ตต่างๆ โดยสตาร์ตจากเส้นทางแฟชั่น ซึ่งหลายคนคงทราบแล้วว่าบลูเข้าวงการโดยเริ่มจากถ่ายแบบกับเว็บไซต์วัยทีนอย่าง dek-d ที่เป็นแหล่งกำเนิดดาวดวงใหม่มากมายนับไม่ถ้วน
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เราได้เห็นบลูออกงานอีเวนต์ไม่ขาดสาย ชั่วโมงบินที่ค่อยๆ สั่งสมได้หล่อหลอมเด็กผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งให้มีสไตล์เจนจัดมากขึ้น สังเกตจากภาพแฟชั่นเซ็ตนี้ที่ฉายคาริสม่าอย่างโดดเด่นจนทุกคนลงมติเป็นเอกฉันท์ ‘บลูคือหนุ่มในฝันผู้มีเสน่ห์ปลุกปั่นหัวใจคนตั้งแต่แรกเห็น’
“เมื่อก่อนก็เหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องแฟชั่นเท่าไหร่ แต่พอเข้ามาทำงานตรงนี้ที่ต้องเจอคนเยอะๆ ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตัวเอง ก่อนออกจากบ้านก็ต้องดูแลการแต่งกายให้เหมาะสมตามโอกาสและกาลเทศะ การให้ความสำคัญกับเสื้อผ้านอกจากจะช่วยสะท้อนบุคลิกแล้วยังสร้างภาพลักษณ์ภายนอกให้ดูดี ช่วงหลังๆ ถ้ามีเวลาว่างผมจะไปออกกำลังกายเพิ่มเติม เวลาสวมใส่อะไรจะได้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น”
การถ่ายแฟชั่นวันนี้ จากตอนแรกที่ทีมงานห่วงกังวลเรื่องฟ้าฝน แต่สภาพอากาศของจริงกลับร้อนแรงแข่งกับแสงอาทิตย์ที่แผดจ้า เราตั้งข้อสังเกตว่าบลูเอนจอยมากเป็นพิเศษ จึงชวนคุยเกี่ยวกับเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ว่าชอบลุคไหนที่สุด “ต้องบอกว่าดีทุกลุค ยากมากเลยนะถ้าต้องเลือกลุคเดียว (หัวเราะ) ส่วนตัวผมชอบกางเกงขาม้า ในชีวิตจริงอาจไม่ค่อยมีโอกาสได้ใส่กางเกงทรงนี้ พอสวมกับรองเท้าแบบโททัลลุคยิ่งทำให้ภาพรวมดูเท่ขึ้นอีกระดับ นอกจากนี้ยังชอบกระเป๋าใบที่ Pharrelle Williams เป็นคนออกแบบ จากเดิมที่เคยเป็นกระเป๋าผู้หญิง พอปรับขนาดใหญ่ขึ้นจึงเหมาะกับสรีระผู้ชาย แต่เอาเข้าจริงผมชอบเกือบทุกอย่างที่เป็น Louis Vuitton เพราะคุณแม่คือแฟนตัวจริง ตอนท่านทราบว่าจะได้มาถ่ายแฟชั่นกับแบรนด์โปรดของเขาก็ปรบมือเชียร์ใหญ่เลย”
บลูเป็นลูกชายคนโตที่สนิทกับสมาชิกทุกคนในบ้าน เขาเล่าถึงบุคคลผู้เป็นทั้งแรงบันดาลใจและผู้ให้กำเนิดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ผมยกให้พ่อกับแม่เป็นไอดอล ด้วยประสบการณ์ชีวิตของคนที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน จึงให้คำแนะนำได้เกือบทุกเรื่อง ถ้าวันหนึ่งผมมีครอบครัวเป็นของตัวเองก็อยากดูแลทุกคนอย่างดีเช่นกัน”
ขยับมาในส่วนของงานแสดงกันบ้าง เขาเอ่ยปากว่าไม่เคยคาดฝันให้ตัวเองมาอยู่ตรงจุดนี้ แต่พอได้ลองก็รู้สึกชื่นชอบจนถอนตัวไม่ขึ้น “การแสดงเป็นศาสตร์ที่มีมิติหลากหลายและไม่ซ้ำซากจำเจ แต่ละตัวละครมีบุคลิกและลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน ซึ่งตรงข้ามกับตัวผมมากๆ เวลาสวมบทเป็นคนอื่นเหมือนเปิดโอกาสให้ผมได้ลองใช้ชีวิตหลายแบบ ตรงนี้แหละคือเสน่ห์และความท้าทายของงานแสดง อย่างคาแร็กเตอร์ของ ‘ซัน’ ในซีรีส์เรื่อง Ready, Set, Love เกมชนคนโสด ที่เป็นผู้ชายนิ่งๆ ตรงไปตรงมา พูดจาฉะฉาน ก็ค่อนข้างคอนทราสต์กับตัวผมที่เป็นคนขี้เกรงใจ ไม่ค่อยกล้าปฏิเสธใคร”
จากวันแรกที่เป็นนักแสดงจนถึงวันนี้ ละครเรื่อง กรงกรรม ถือเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต เพราะออกมาแค่อีพีสุดท้ายอีพีเดียว แต่ทำให้คนทั้งประเทศรู้จัก บลู-พงศ์ทิวัตถ์ และมีงานบันเทิงหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย แต่กลับกลายเป็นว่าตัวละคร ‘ซัน’ ที่มีนิสัยแตกต่างจากตัวตนของบลูอย่างสุดขั้วได้ฝากบทเรียนชนิดที่เปลี่ยนมุมมองของเขาไปจากเดิม “ในเรื่อง เกมชนคนโสด ซันมองการกระทำของนางเอก (รับบทโดย เบลล์-เขมิศรา พลเดช) ในมุมผิวเผิน เขาคิดว่านางเอกมีจุดประสงค์เพียงแค่ต้องการเข้าแข่งขันรายการเดท โดยไม่เคยรู้มาก่อนว่านางเอกมีน้องสาวที่กำลังป่วย เธอจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหาเงินมารักษาน้อง ทำให้ผมเรียนรู้ว่าอย่าด่วนสรุปหรือตัดสินการกระทำของใครโดยไม่รู้จักคนคนนั้นดีพอ”
ผ่านวัย 20 มาถึงครึ่งทางแล้ว ชีวิตต่อไปในวัยเลข 3 จะเป็นแบบไหน บลูวางเป้าหมายในอนาคตไว้ยังไงบ้าง “ถึงตอนนั้นคงทำงานในวงการนี้เหมือนเดิมและมีบ้านเป็นของตัวเอง อาจจะสร้างบ้านพักตากอากาศที่ต่างจังหวัดให้คุณพ่ออีกสักหลัง เอาไว้เป็นสถานที่ฮีลใจ เวลาทำงานมาเหนื่อยๆ จะได้ชาร์จพลังกับครอบครัว”
Credit team
Photographer: Wasu Sukatocharoenkul
Editor-in-Chief: Nichakul Kitayanubhongse
Makeup : Suphanut Tichana
Hair : Thanupol Phoothepamornkul
