เปิดที่มาไอเทมฮอตแห่งทศวรรษ การกลับมาของ Louis Vuitton Monogram Multicolor

นักออกแบบผู้มีวิสัยทัศน์ก้าวล้ำ Marc Jacobs (มาร์ก เจคอปส์) อดีตผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แห่งแบรนด์ Louis Vuitton (ระหว่างปี 1997-2013) ชอบเรื่องสัปดี้สัปดน จึงไม่แปลกที่เขาจะประทับใจงานประติมากรรมชื่อ My Lonesome Cowboy เป็นรูปหนุ่มน้อยผมทองตั้งเป็นแฉกๆ คล้ายร่างซูเปอร์ไซย่าของ ‘ซงโกคู’ ตัวละครหลักในมังงะเรื่องดัง Dragon Ball Z กำลังสำเร็จความใคร่ และมีน้ำกามไหลเป็นคลื่นพลังหมุนรอบตัว “ผมสนใจทันทีว่าใครกันนะที่สร้างสรรค์งานชวนหัวขณะเดียวกันก็สะท้อนวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้น่าประทับใจเช่นนี้” เขาเคยให้สัมภาษณ์ถึงจุดเริ่มในการร่วมงานกับศิลปินผู้พาเอากระแส POKU (วัฒนธรรม Pop + Otaku หรือกลุ่มคนที่คลั่งหรือหมกมุ่นอะไรบางอย่าง โดยภาพรวมมักคุ้นชิ้นกับการเรียกคนที่คลั่งการ์ตูน) ให้โด่งดังไปทั่วโลกเมื่อราว 2 ทศวรรษที่แล้ว

ซ้าย: Takashi Murakami ศิลปินเจ้าของผลงานสร้างชื่อ ‘My Lonesome Cowboy’ ผลงานที่ขายในราคาสูงสุดเท่าที่เคยมีมาสำหรับชิ้นงานศิลปะร่วมสมัย ในการแสดงเดี่ยวของเขาในแกลเลอรีของ Tomio Koyama, 1998
ขวา: My Lonesome Cowboy หุ่นขนาดเท่าคนจริงที่ได้แรงบันดาลใจจากการ์ตูนมังงะ เด็กชายผมสีเหลืองกับร่างที่เปลือยเปล่ากับน้ำอสุจิพุ่งออกมาจากองคชาต และลอยขึ้นไปในอากาศราวกับบ่วงบาศของคาวบอย

วันนี้คอแฟชั่นและคนรักงานศิลปะต่างรู้จักหรือไม่ก็เคยได้ยินชื่อ Takashi Murakami (ทากาชิ มูรากามิ) ผ่านหู ไม่ก็คงเคยเห็นประติมากรรมและเข็มกลัด ‘ดอกไม้ยิ้มแฉ่ง’ ดูเริงร่า อีกหนึ่งผลงานจากโลกพาณิชยศิลป์ของเขาที่ฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง แต่หากย้อนกลับไปในช่วงที่ Marc ได้พบกับ Takashi เป็นครั้งแรก ชื่อเสียงของเขายังถูกจำกัดอยู่ในวงแคบ แถมในประเทศญี่ปุ่นเองก็ใช่ว่าจะมีคนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามมากมายอะไรนัก ดังนั้นการโคจรมาพบกันของสองคนสร้างสรรค์ เพื่อร่วมผลักดันวัฒนธรรม POKU ผ่านแบรนด์หรูระดับยอดพีระมิดจึงเป็นการวินทั้งสองฝ่าย ฟาก Takashi ได้สร้างชื่อและหอบเอาวัฒนธรรมป๊อปมังงะไปให้คนทั่วโลกได้รู้จัก ส่วน Vuitton ภายใต้แกนนำของ Marc Jacobs ก็ได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และเอาใจลูกค้าชาวญี่ปุ่นซึ่งขณะนั้นถือเป็นลูกค้ากลุ่มหลักได้อยู่หมัด

Marc Jacobs ถือกระเป๋ารุ่น Eye Love Monogram Sac Retro และ Takashi Murakami ถือตุ๊กตา Flower Head

Takashi คือศิลปินรับเชิญคนที่ 3 ต่อจาก Stephen Sprouse (สตีเฟน สเปราส์) และ Julie Verhoeven (จูลี เวอร์โฮเวน) ที่ได้เข้ามาร่วมรังสรรค์กระเป๋าลายโมโนแกรมโฉมใหม่ให้กับทาง Louis Vuitton ในปี 2002 เป็นโปรเจกต์การดึงศิลปินแขนงต่างๆ มาร่วมออกแบบคอลเล็กชั่นรับฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งถือเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ แถมยังเป็นการฉลอง 5 ปีที่ Marc ได้เข้ามากุมบังเหียนเฮาส์หลังนี้และเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยคอลเล็กชั่นเสื้อสำเร็จรูปเป็นครั้งแรก (ในฤดูกาล Fall-Winter 1998) โจทย์สำคัญในการร่วมงานคือต้องการฉีกภาพเดิมของลายโมโนแกรมทิ้งไป ซึ่งต่างจากในกรณีของ Stephen ที่เขียนกราฟฟิติลงบนโมโนแกรมแบบดั้งเดิม (คอลเล็กชั่นฤดูร้อนปี 2001) และของ Julie ที่นำวัสดุต่างผิวสัมผัสมาแพตช์เวิร์ก บนลวดลายที่ทางเมซงได้ทำมาก่อนหน้านี้ (คอลเล็กชั่นฤดูร้อนปี 2002)

Eva Herzigova บนภาพแคมเปญโฆษณา Louis Vuitton ประจำฤดูกาล Spring-Summer 2003 ภาพถ่ายโดย Mert Alas and Marcus Piggott

6 ตุลาคมปี 2002 แฟนๆ และแขกของ Louis Vuitton ที่ไปร่วมชมโชว์คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อนประจำปี 2003 ต่างเซอร์ไพรส์! หน้าอาคารกระจกบริเวณลาน Le Parc André Citröen ที่ทาง Louis Vuitton ใช้เป็นสถานที่จัดโชว์ร่วมสิบปีนับตั้งแต่เปิดตัวคอลเล็กชั่นเสื้อสำเร็จ มีบอลลูนหลากดีไซน์หลายขนาดเป็นรูปตัวการ์ตูนน่ารักๆ ที่ออกแบบ Takashi ประกอบด้วยน้อง Panda กำลังทำท่าเริงร่า น้อง Onion และ Flower Head ที่ดัดแปลงมาจากลวดลายโมโนแกรมเลื่องชื่อ และบอลลูนทรงกลมลายโมโนแกรมหลากสีสัน ‘Monogram Multicolor’ หรือ ‘Superflat Monogram’ แบบเดียวกับที่เห็นบนแฟ้มบัตรเชิญ แถมยังมีลายพิเศษชื่อ ‘Eye Love Monogram’ ดวงตาติดขนตายาวสไตล์ ‘การ์ตูนตาหวาน’ แทรกในลวดลายโมโนแกรม ซึ่งถือเป็น ‘แรร์ไอเทม’ ประจำคอลเล็กชั่นนี้ คอลเล็กชั่นที่กลายเป็นพาดหัวข่าวใหญ่บนสื่อแฟชั่นทุกสำนัก

บริเวณหน้าอาคาร Le Parc André Citröen สถานที่จัดรันเวย์สำหรับแฟชั่นโชว์ Louis Vuitton Spring-Summer 2003 ตกแต่งด้วยบอลลูนมาสคอสและลวดลายโมโนแกรม

ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ตั้งแต่โชว์เปิดม่านและตามมาด้วยกองทัพนางแบบนับสิบชีวิตสวมชุดซาตินหลากสีสัน เดินถือกระเป๋าหลากรุ่นหลายขนาดด้วยกัน แต่ทุกใบถูกฉาบด้วยลาย Monogram Multicolor บนพื้นสีขาวและสีดำเหล่านั้น ผู้ชมในโชว์ กองทัพสื่อ และช่างภาพทราบทันทีว่า ‘It-Bag’ ใบใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้น และต้องสร้างปรากฏการณ์ความคลั่งให้กับเหล่าสาวกแบรนด์หรูทั่วโลก “ถ้าไม่ใช่ลูกค้า VIP ต้องลงชื่อสั่งจองและรอนานเป็นเดือน” – Pop Wattakul นักเขียนแฟชั่นและไลฟ์สไตล์เล่าบรรยากาศ Multicolor Fever เมื่อ 2 ทศวรรษที่แล้ว “ล็อตแรกที่เข้ามาในบูติกของ LV ทั้งที่ The Emporium และ Gaysorn มีไม่พอกับความต้องการของทั้งแฟนคลับ LV และที่ไม่ใช่ เครื่องหนังซีรีส์ Monogram Multicolor ทุกแบบทุกไซซ์ ตั้งแต่ที่ใส่กุญแจ กระเป๋าสตางค์ใบจิ๋ว กระเป๋าถือใบใหญ่ ไปจนถึงเครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อย ผ้าพันคอ พอเข้าบูติกปุ๊บก็หมดปั๊บ”

ภาพยนตร์โฆษณา Louis Vuitton Superflat Monogram, 2003

“แล้วคนที่สนใจแฟชั่นก็เริ่มอยากรู้ว่า Takashi Murakami คือใคร แต่ตอนนั้นคืออินเทอร์เน็ตยังไม่แพร่หลาย ข้อมูลเกี่ยวกับเขาก็มีไม่มาก ทาง Vuitton เองก็ฉลาดพอที่จะให้ Marc ออกสื่อสัมภาษณ์ร่วมกับ Takashi เป็นแพคคู่อยู่พักใหญ่ และมีหนังสือแนะนำผลงานเด่นๆ ของ Takashi ออกมา พอได้ดูงานที่เขาออกแบบแล้วก็เข้าใจทันทีว่าทำไม Marc จึงหลงรัก เพราะน่ารัก ทะเล้น และดูแล้วอารมณ์ดี ไม่ต่างจากเวลาเราได้ดูอาร์ตทอยน่ารักๆ ในยุคนี้ และอีกอย่างโลกเวลานั้นเพิ่งผ่านพ้นเหตุการณ์ 9/11 มาได้ไม่ถึง 2 ปี ยังคงมีควันหลงบรรยากาศหดหู่อยู่ จึงถือว่า LV ทำสิ่งที่ถูกช่วงเวลา ออกแบบงานที่ดูสนุก ใครเห็นก็อมยิ้ม ไม่ว่าจะเป็นแฟนของแบรนด์หรือไม่ ก็คงหลงรักสิ่งที่ Marc และ Takashi ร่วมกันทำ ใช้แฟชั่นและงานสร้างสรรค์สร้างความสุขให้กับผู้ใช้และคนที่อยู่รอบตัว”

ลายโมโนแกรมโดย Takashi Murakami (ซ้ายไปขวา) Monogram Multicolor, Cherry Blossom, Eve Love Monogram, Chérie Cherry และ Monogram Camouflage

คอลลาบอเรชั่นระหว่าง Louis Vuitton x Takashi Murakami ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำให้ศิลปินจากแดนอาทิตย์อุทัยรายนี้ได้ร่วมงานกับทางแบรนด์ต่อเนื่องอีกหลายครั้ง โดยเนรมิตลวดลายใหม่ๆ แต่ยังคงลายเซ็นของเจ้าตัวไว้ อาทิ ดอกซากุระเริงร่า (Cherry Blossom) และเชอร์รี่ยิ้มแฉ่ง (Chérie Cherry) ที่เผยโฉมในปี 2004, โมโนแกรมลายพราง (Monogram Camouflage) เอาใจบรรดาสาวกสตรีทแฟชั่นในปี 2008 และกองทัพซากุระสีสดใส (Cosmic Blossom) ดูสนุกและฉีกภาพของ Louis Vuitton ในปี 2010 เรียกได้ว่า ตลอดเวลาหนึ่งทศวรรษนับตั้งแต่การพบกันของ Marc และ Takashi Murakami เขาได้กลายเป็นอีกศิลปินคู่บุญของเมซง ผู้ออกแบบลวดลายสุดไอคอนิกซึ่งยังคงเป็นที่ต้องการจนถึงปัจจุบัน

ผลงานชื่อ Superflat Monogram: Panda & His Friends โดย Takashi Murakami, 2005

และความสุขที่ว่ากำลังจะกลับมาอีกครั้ง เมื่อทาง Louis Vuitton ขอเฉลิมฉลองเฟสทีฟซีซั่น มอบความสุขและความสนุกสนานด้วยการนำมรดกล้ำค่าที่อดีตผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์และศิลปินดังชาวญี่ปุ่นได้สร้างไว้ นำลวดลาย Monogram Multicolor ผลงานการออกแบบของ Takashi Murakami กลับมาใหม่ให้เหล่าแฟนๆ ของ Louis Vuitton ทั้งรุ่นเดอะและรุ่นใหม่ได้ตามเก็บกันอีกครั้ง โดยคอลเล็กชั่น Louis Vuitton x Takashi Murakami ‘Re-Edition’ จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการและให้ได้ครอบครองกันตั้งแต่ 1 มกราคม 2025 เป็นต้นไป เรียกว่าแฟนๆ จะได้ต้อนรับศักราชใหม่ไปพร้อมกับความสุขจากลวดลายและเหล่าคาแรกเตอร์น่ารักๆ ที่มาเรียกรอยยิ้มให้มีความสุขตลอดปีและตลอดไป

Similar Articles

More