การกลับมาเปิดอีกครั้งของ Hermès ณ ไอคอนสยามเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่การรีโนเวทพื้นที่ แต่เป็นการรีเซตประสบการณ์ที่ชัดเจนว่าต้องการให้ผู้มาเยือนรู้สึกถึงความสงบ ความประณีต และงานฝีมือที่สัมผัสได้ตั้งแต่ก้าวแรก พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ถูกตีความใหม่ผ่านผนังกระจกใสทั้งผืนที่สะท้อนภาพเมืองกรุงเทพฯ ทั้งสีสัน วัฒนธรรม และความเคลื่อนไหวทางการค้าให้เชื่อมต่อกับจิตวิญญาณของ Hermès ได้อย่างเหนือชั้น

ชั้นบนเริ่มต้นด้วย Ex-libris หินอ่อนสีชมพูที่ให้ความรู้สึกเหมือนเดินเข้าสู่แกนกลางของโลก Hermès โซนผ้าพันคอไหมและแฟชั่นจิวเวลรีสำหรับสตรีถูกจัดอย่างสงบและเป็นสัดส่วน ก่อนลากสายตาต่อด้วยลายเทอร์ราคอตตาสู่โซนผ้าไหมบุรุษที่คม ชัด และ understated แบบชายแอลเมน ในฝั่ง Beauty & Fragrance ความเป็นส่วนตัวถูกออกแบบให้เป็นประสบการณ์ ไม่ใช่แค่พื้นที่ ขณะที่เสาหวายสานทรงโค้ง ทำขึ้นด้วยมือโดยทีมช่างฝีมือไทย ทำหน้าที่เป็นทั้งไฮไลต์เชิงสถาปัตยกรรมและตัวแบ่งพื้นที่ของโซนเสื้อผ้าบุรุษและสตรีได้อย่างนุ่มนวล


จุดที่พิเศษที่สุดของบูติกนี้คือทางลงสู่ชั้นล่าง บันไดหินขัดทอดยาวลงไปยังโทนสีน้ำทะเลของโซนจิวเวลรีและนาฬิกา ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังก้าวเข้าสู่ความนิ่งและแสงสะท้อนที่ถูกควบคุมอย่างตั้งใจ พรมไล่เฉดฟ้า เขียวและผ้าทอมือที่ประกายระยับทำให้พื้นที่ดูเหมือนแกลเลอรีมากกว่าแผนกสินค้า ด้านหลังคือโซนขี่ม้าและเครื่องหนังที่เปิดรับแสงธรรมชาติ ภาพของหินอ่อนสีเขียวและดีเทลแบบโมเสก Faubourg ทำให้รู้ทันทีว่าที่นี่คือ Hermès ไม่ต้องมีคำอธิบาย


งานออกแบบทั้งหมดโดย RDAI สตูดิโอจากปารีส ทำให้ร้านนี้มีความคมแบบฝรั่งเศส และอบอุ่นแบบไทย อยู่ในจังหวะเดียวกัน ศิลปะที่เลือกจัดแสดง ตั้งแต่ชิ้นจากคอลเล็กชัน Émile Hermès ไปจนถึงภาพถ่ายชุด Nocturne 3 ของ Marie Joubert ช่วยเติมบรรยากาศแบบ curated gallery และแน่นอน ประติมากรรมคู่ม้าจากหวายและโลหะโดย ธีรวัฒน์ เฑียรฆประสิทธิ์ คือหนึ่งในชิ้นงานที่เด่นที่สุด ราวกับกำลังพุ่งขึ้นบันไดอย่างมีชีวิต


Hermès โฉมใหม่นี้ไม่ใช่แค่ร้าน แต่เป็นสเปซที่ทำให้คุณรู้สึกว่าความประณีตต้องถูกสัมผัส มากกว่าถูกมอง ทุกดีเทลตั้งแต่วัสดุ แสง งานทอ ไปจนถึงการจัดวาง ทำให้บูติกแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในพื้นที่ลักชัวรีที่สมบูรณ์ที่สุดของกรุงเทพฯ และเป็นอีกหลักฐานว่าทำไม Hermès ถึงยังคงเป็นมาตรฐานของความหรูหราที่ไม่ต้องพยายามอธิบายให้ใครเข้าใจ

