ต้อนรับสองรุกกี้ พูห์-กฤติน และ พาเวล-นเรศ กับบททดสอบสู่เส้นทางฝันบนถนนสายบันเทิง

หากคุณชื่นชอบผลงานของสองหนุ่ม พูห์-กฤติน กิจจารุวรรณกุล และ พาเวล-นเรศ พร้อมเผ่าพันธ์ จากซีรีส์ Pit Babe The Series แอลเมนจะพาไปทำความรู้จักตัวตนของพวกเขามากขึ้น ผ่านบทสนทนาง่ายๆ สบายๆ ในบรรยากาศการเริ่มต้นใหม่ของเดือนมกราคม

มาในปีนี้แฟนๆ จะได้รับชมซีรีส์ใหม่ถึง 2 เรื่อง ประเดิมด้วย สิงสาลาตาย Goddess Bless You From Death กับการสืบหาต้นตอของคดีฆาตกรรม 7 ศพ โดยหนุ่มพาเวลรับบทเป็นสารวัตรสืบสวน ส่วนพูห์คือคนที่สามารถมองเห็นวิญญาณได้ ส่วนเรื่องถัดไปเป็นซีรีส์ Pit Babe The Series Season 2 ที่หลายคนกำลังตั้งตารอ

ก่อนไปรับชมเรื่องราวชวนติดตามเหล่านั้นพร้อมกันในปี 2025 แอลเมนได้หาจังหวะเหมาะ ชวนทั้งพูห์และพาเวลมาชิทแชทเพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย ถึงแม้จะมีเวลาคุยกันได้ไม่นานด้วยตารางงานที่แน่นเอี้ยดของทั้งคู่ แต่ทุกครั้งที่ประเด็นสนทนาวกกลับเข้าสู่เรื่องงานแสดง เราสังเกตว่าสองหนุ่มมักจะเล่าสิ่งต่างๆ อย่างออกรสออกชาติด้วยแววตาเป็นประกายเสมอ

ความฝันของพวกคุณสองคนคืออะไร

พูห์: ตอนเด็กๆ ฝันอยากเป็นดารา พอถึงวันที่ได้เป็นนักแสดงก็เหมือนฝันที่เป็นจริง ตอนนี้อยากทำให้ความฝันไปไกลกว่าเดิม อยากจะอัปสกิลให้รอบด้านจนสามารถเรียกตัวเองว่าศิลปิน
พาเวล: เคยฝันไว้หลายอย่าง ถ้าเป็นตอนเด็กๆ ผมอยากเป็นทหาร เพราะเราโตที่นิวซีแลนด์ อยู่ที่นั่นได้เห็นสไนเปอร์ หรือทหารอากาศที่ขับเครื่องบินรบ รู้สึกว่าน่าสนใจดีครับ

เหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึก Proud กับตัวเองมากที่สุด

พูห์: หลังจากซีรีส์เรื่องแรก Pit Babe The Series ออนแอร์ก็ได้เสียงตอบรับที่ดีมาก จนกระทั่งได้รางวัลแรกจากการโหวตของแฟนๆ มาครองในตำแหน่ง Rookies of The Year ก็รู้สึกดีใจมากครับ 
พาเวล: ด้วยความที่ผมอยากเป็นนักแสดง อยากสร้างรายได้ให้ครอบครัวดังนั้น การได้ร่วมแสดงในซีรีส์เรื่อง Pit Babe The Series ก็เหมือนสิ่งที่เราตั้งใจพยายามทำมาตลอดก็มีคนเห็นเสียที ทุกอย่างมันเป็นไปในทางที่เราอยากให้เป็น พอได้โอกาสปุ๊บก็ใส่เต็มไปเลย ยิ่งผลตอบรับออกมาดี เราก็แฮปปี้และภูมิใจกับตัวเอง

โมเมนต์เปลี่ยนชีวิตของรุกกี้วงการซีรีส์วาย

พูห์: ซีรีส์ Pit Babe The Series ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตแล้วครับ เปลี่ยนยิ่งกว่าตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสียอีก จากนักศึกษาวิศวะธรรมดาที่เรียนอย่างเดียว กลับต้องแบ่งเวลาไปถ่ายงานด้วย พอซีรีส์ออนแอร์และเริ่มมีกระแสก็ได้บินไปเจอแฟนๆ ที่ต่างประเทศ ช่วงนั้นสู้ชีวิตมากเพราะไม่ค่อยได้เข้าเรียน ตารางชีวิตอัดแน่นสุดๆ เพราะต้องทำทั้งสองพาร์ตควบคู่กัน
พาเวล: เหมือนกันครับ ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้ผมได้เป็นคนใหม่ กลายเป็นที่รู้จักของแฟนๆ มากมาย ทำให้ผมมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเองหลายด้านทั้งร้อง เต้น และการแสดง ผมมองว่า Jackson Wang คือต้นแบบที่มีความสามารถครบเครื่อง รวมถึง Wang Yibo ด้วยที่ผมยกให้เป็นไอดอล

ตัวตนจริงๆ ของคุณเป็นยังไง

พูห์: ผมเป็นคนเอ็กซ์โทรเวิร์ตและเฟรนด์ลี่ รู้สึกสนุกเวลาได้เข้าสังคม เจอคนเยอะๆ แล้วสนุกดี 
พาเวล: เวลาทำอะไรผมจะตั้งใจมาก ก่อนที่จะได้มาเล่น Pit Babe The Series เคยรู้สึกอยากยอมแพ้เพราะอกหักมาหลายครั้ง บวกกับเจอโควิดด้วย พอได้โอกาสมาแล้วก็อยากทำให้เต็มที่ ซึ่งผลลัพธ์ออกมาดีเกินคาด

เสน่ห์ของคุณคืออะไร

พูห์: น่าจะเป็นรอยยิ้ม ผมยิ้มง่ายแล้วก็เฟรนด์ลี่ ชอบพูดชอบคุยไปเรื่อย (หัวเราะ) แต่บางจังหวะผมก็นิ่งๆ นะครับ 
พาเวล: ผมเป็นคนกล้าคิดกล้าลอง ไม่กลัวที่จะผิดพลาด ชอบหาความรู้เพื่ออินพุตตัวเองตลอดเวลา ไม่ชอบหยุดนิ่ง ชอบทำอะไรใหม่ๆ แต่ถ้าพูดถึงบุคลิกภายนอกก็คงเป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์

ไลฟ์สไตล์วันว่างของพูห์กับพาเวล

พูห์: ปกติจะชอบเล่นเกม เล่นกีฬา ผมเล่นได้ตั้งแต่ฟุตบอล ปิงปอง บาสเกตบอล ลามไปจนถึงอีสปอร์ตก็ชอบเหมือนกัน ผมติดนิสัยชอบเอาชนะ พอมาแข่งกันเป็นทีมนอกจากได้เจอเพื่อนเยอะแล้วยิ่งทำให้สนุกมากขึ้นด้วย 
พาเวล: ผมทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง ทำมาตั้งแต่ปี 2019 – 2020 ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงโควิด โดยเริ่มทำในลักษณะ Fan Merchandise ตอนนี้ถ้ามีเวลาว่างก็จะหาอะไรต่อยอดไปเรื่อยๆ เพราะตั้งใจให้เป็นสิ่งที่สร้างรายได้เพื่อเอาไปจุนเจือครอบครัว เผื่อวันหนึ่งเราไม่ได้ทำงานวงการบันเทิงแล้วก็ยังมีอะไรที่เป็นของตัวเอง

มีใครเป็นต้นแบบในการใช้ชีวิต

พูห์: ผมมีป๊ากับม้าเป็นต้นแบบ ป๊าม้าของพูห์เป็นเภสัชทั้งคู่ พวกเขาเริ่มต้นมาจากศูนย์ ทำงานตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เก็บหอมรอมริบมาเรื่อยๆ จากนั้นก็ช่วยกันเปิดร้านขายยา จนกระทั่งมีพูห์กับน้องก็เลี้ยงดูพวกผมได้เป็นอย่างดี สนับสนุนทุกอย่าง ส่วนในแง่งานบันเทิง ผมมองพี่บิวกิ้นเป็นแบบอย่าง จุดเริ่มต้นมาจากซีรีส์วาย จากนั้นเขาก็ค่อยๆ พัฒนามาเป็นศิลปิน ถือเป็นคนที่เก่งรอบด้าน มีความสามารถหลากหลาย สักวันหนึ่งก็อยากทำให้ได้แบบพี่เขาบ้าง
พาเวล: ถ้าเป็นภาพรวมทั้งในแง่การใช้ชีวิต การทำงาน และการหาความรู้ใส่ตัว ผมจะนึกถึง Elon Musk เป็นคนแรกเลยเพราะเขาฉลาดมาก เขาเป็นผู้ประกอบการที่เริ่มสร้างตัวจากการทำสตาร์ตอัป จนกระทั่งสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ สิ่งที่เขาทำคือนวัตกรรมที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน ยกตัวอย่างเช่น SpaceX บริษัทเอกชนที่ส่งมนุษย์ไปอวกาศได้สำเร็จ ซึ่งเป็นอะไรที่อินสไปร์มาก ผมเองก็ชอบอัปเดตเทคโนโลยีและมองหาเทคนิคใหม่ๆ บ่อยครั้งก็ได้แรงบันดาลใจมาใช้ในการทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองด้วยเหมือนกัน

เรียนรู้อะไรจากการทำงานในวงการบันเทิง

พูห์: ผมได้เรียนรู้อะไรมามากมายเลยครับ การทำงานทำให้เราโตขึ้นไปอีกสเตป จากเด็กมหาวิทยาลัยธรรมดาที่ชีวิตมีแค่เรียน เล่น อ่านหนังสือสอบ แต่กลับกลายเป็นว่าต้องแบ่งเวลาและบริหารจัดการตัวเองให้ได้ ต้องมีวินัย ต้องรับผิดชอบ ต้องมีความเป็นมืออาชีพ เพราะเราไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อน เพราะงานบันเทิงเกิดจากคนหลายฝ่าย ผมจะพยายามทำให้งานราบรื่นที่สุดและทำเต็มที่ที่สุดครับ 
พาเวล: อย่างแรกคือเรื่องวินัย ทุกอย่างต้องโปรเฟสชันนัลจริงๆ เมื่อก่อนตอนทำงานเสิร์ฟในร้านอาหารไทยที่นิวซีแลนด์ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ตอนนั้นอาจไม่ได้จริงจังขนาดนี้เพราะเป็นการทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย จนกระทั่งผมกลับมาไทยก็เหมือนสถานการณ์บังคับให้เปลี่ยนโหมดทันที พอเข้ามาทำงานในวงการก็ได้เห็นสิ่งที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน เห็นวิธีการทำงานเป็นทีม ได้เรียนรู้มุมมองของคนที่มีประสบการณ์มากกว่าเรา ทำให้เราอยากปรับปรุงและพัฒนาตัวเองมากขึ้น






Similar Articles

More