ชมคอลเล็กชั่นและที่มาของ ADI FW23 ผลงานรักษ์โลกของแบรนด์ไทยที่ยืนหนึ่งแฟชั่นไร้เพศ

หากใครที่เป็นคอแฟชั่นที่คอยติดตามเทรนด์แฟชั่นคงจะเคยได้ยินชื่อแบรนด์แฟชั่น ‘ADI’ ผ่านหูกันมาบ้าง สำหรับแบรนด์แฟชั่นสัญชาติไทยแบรนด์นี้ เรียกว่าเป็นแบรนด์มี DNA ที่ชัดมากในประเด็นเรื่อง ‘Gender Fluid’ เพื่อหวังที่จะทำลายกรอบของสังคมที่ตั้งคำถามกับการแต่งตัวของผู้ชายที่ต่างไปจากขนบให้กลายเป็นเรื่องปกติของคนในสังคม 

จุดประสงค์ในการทลายกรอบของสังคมในเรื่องนี้นั้นเป็นแนวคิดของ ‘อดิ-อดิเรก คำน้อย’ ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่เป็นเขายังเป็นนักเรียนแฟชั่นอยู่ที่มิลานซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาเริ่มก่อตั้งแบรนด์ และบ่มเพาะความรู้ด้านการออกแบบแฟชั่นรวมถึงแนวคิดต่างๆ ที่หล่อหลอมให้กลายมาเป็น ADI จนถึงทุกวันนี้ 

‘อดิ-อดิเรก คำน้อย’ ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์ ADI

นอกจากประเด็นเรื่องเพศที่เขาชูให้กลายเป็น Core Idea (แนวคิดหลัก) ของแบรนด์ ADI ก่อนที่ใครหลายๆ คนจะให้ความใส่ใจในเรื่องนี้แล้ว ไม่นานมานี้ก็มีอีกหนึ่งประเด็นสังคมสุดสำคัญที่เข้ามาเป็นอีกหนึ่ง DNA และไอเดียหลักของแบรนด์ซึ่งประเด็นนั้นก็คือ ‘ความยั่งยืน’ หรือ ‘Sustainability’ ประเด็นสำคัญที่หลากหลายอุตสาหกรรมทั่วโลกให้ความสนใจ โดยเฉพาะวงการแฟชั่นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ถูกมองว่าเป็น ‘ผู้ร้าย’ คนสำคัญที่บ่อนทำลายทรัพยากรของโลกใบนี้ 

สิ่งที่ ELLE MEN Thailand กล่าวไปข้างต้น เป็นไอเดียหลักที่อดิพยายามนำมาใช้ในคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าของเขาอยู่เสมอ และเป็นไอเดียหลักของคอลเล็กชั่นประจำฤดูกาล Fall/Winter 2023 นี้ ที่เขาได้นำเหล่าข้าวของเหลือใช้มาปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นเสื้อผ้ารักษ์โลกสำหรับทุกคน

ADI FW23 จากของเหลือใช้สู่เมนส์แวร์ที่โดดเด่นในเรื่องเทคนิคการออกแบบ

หลังจากย้ายถิ่นฐานมาพำนักอยู่ที่อิตาลีได้ปีกว่าๆ อดิก็ได้เริ่มจัดห้องเก็บของของครอบครัว สถานที่ที่เขาพบขุมทรัพย์อันล้ำค่าในสายตาของเขาสิ่งนั้นก็คือ เสื้อผ้า เศษผ้า รวมไปถึงกล่องไหมพรมที่ถูกทิ้งไว้มานานหลายปีของคนในครอบครัว และด้วยแนวคิดที่ให้ความสำคัญในเรื่องของความยั่งยืน เขาปิ๊งไอเดียการนำเอาของเหลือใช้เหล่านี้มาแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นเสื้อผ้าในคอลเล็กชั่นใหม่ 

จากการจัดของในห้องเก็บของในครั้งนี้ก็ได้กลายเป็นโปรเจกต์เล็กๆ ของเขา ที่ได้รวบรวมเหล่าขยะสิ่งทอในบ้าน โปรเจกต์นี้ได้เริ่มจริงจังและยิ่งใหญ่มากขึ้นเมื่อเรื่องถึงหูญาติๆ รวมถึงผู้คนในละแวกบ้าน ทุกคนเลยนำเอาเสื้อผ้าเหลือใช้ของตัวเองมาให้เขาเพื่อเป็นวัสดุหลักในการทำคอลเล็กชั่น Fall/Winter 2023 นี้ 

“เราเลยตั้งโจทย์กับตัวเองว่าเราต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเหล่านี้ ให้กลายเป็นสิ่งใหม่ และมีมูลค่าให้ได้ และที่สำคัญเรายังคงต้องคงไว้ซึ่งหัวใจของแบรนด์ ADI ด้วย” อดิกล่าวถึงที่มาของคอลเล็กชั่นสุดรักษ์โลกและไร้เพศนี้ 

ยึดมั่นในจุดยืนแต่ก็ไม่สูญเสียตัวตน 

หากย้อนกลับไปในหลายๆ คอลเล็กชั่นอดินั้นเป็นนักออกแบบที่ให้ความสำคัญในเรื่องของ ‘วัสดุรีไซเคิล’ มาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เขาเชื่อในเรื่องของการทำสิ่งที่เหลือใช้ที่ถูกมองว่าไร้ค่า และเป็นขยะในสายตาของใครหลายๆ คน ให้กลับมามีมูลค่าอีกครั้ง และเขาก็เป็นอีกหนึ่งนักออกแบบแฟชั่นในอุตสาหกรรมนี้ที่อยากจะช่วยขับเคลื่อนวงการให้เข้าใกล้กับคำว่า ‘Carbon Neutral’ มากขึ้น เช่นเดียวกับบริษัทแฟชั่นยักษ์ใหญ่ที่ออกมาประกาศนโยบายหรือแผนงานขององค์กรด้านสิ่งแวดล้อม 

ด้วยความที่เขาเข้าใจในเรื่องของกระบวนการการผลิตเสื้อผ้าของอุตสาหกรรมแฟชั่นว่ามันรบกวนสิ่งแวดล้อมแค่ไหน อดิจึงใช้วัสดุรีไซเคิลในหลายๆ คอลเล็กชั่นที่ผ่านมา รวมถึงพยายามเพิ่มเปอร์เซ็นต์ของการใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุเหลือให้มากขึ้น โดยปัจจุบัน ADI นั้นพยายามแทรกพวกวัสดุยั่งยืนเหล่านี้ให้มีเปอร์เซ็นต์ 70-80 เปอร์เซ็นต์ของวัสดุที่ใช้ในคอลเล็กชั่น 

ในคอลเล็กชั่นนี้ประกอบไปด้วยไอเทม ‘Knitwear’ จำนวนหลายรูปแบบ ซึ่งเปรียบได้กับการชูจุดยืนในเรื่องงานคราฟต์และเทคนิคในการออกแบบ เพราะเหล่าเสื้อถักของ ADI นั้นถูกออกแบบมาให้มีหลากดีไซน์ แถมนิตแวร์ยังเป็นอีกหนึ่งไอเทมไอคอนิกของแบรนด์ของที่ถูกออกแบบมาให้เห็นอยู่ในหลายคอลเล็กชั่นที่ผ่านมา

นอกจากนั้นยังมี ‘Clubwear’ อีกหนึ่งไอเทมที่ขึ้นชื่อของแบรนด์ ในพาร์ตนี้เสื้อผ้าจะมีความเซ็กซี่และดีไซน์จัดจ้านกว่าในพาร์ตแรก เพื่อเจาะตลาดกลุ่มคนที่มีความหลากหลายและมีคาแรกเตอร์โดดเด่น ซึ่งเหล่าไอเทมคลับแวร์นี้นอกจากจะถูกออกแบบมาให้โอบรับความยั่งยืนและความหลากหลายแล้ว ก็ยังเป็นไอเทมที่สะท้อนตัวตนและไอเดียหลักของแบรนด์ ADI ได้เป็นอย่างดี 

นอกจากนั้นวันนี้ ELLE MEN Thailand ได้นำลุคบุคของ ADI ประจำฤดูกาล Fall/Winter 2023 มาให้ชาว #ELLEMEN ได้ชื่นชมกัน แต่ละคนเคาะชิ้นไหนบ้างบอกเราหน่อย!

Similar Articles

More