หากชื่นชอบในสไตล์ Pilot และหลงใหลในฟังก์ชันบอกเวลาหลายไทม์โซนสำหรับเหล่านักเดินทางเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การเปิดตัวของ 2 นาฬิการุ่นใหม่จาก Patek Philippe นี้ น่าจะกลายเป็นผลงานที่ต้องตาต้องใจคุณเป็นพิเศษ นับจากปี 2015 ที่ Patek Philippe ได้เปิดตัวนาฬิกาสไตล์ Pilot หรือนาฬิกาข้อมือดีไซน์สไตล์นักบินออกมาเป็นรุ่นแรกใน Ref. 5524G-001 แล้ว เรื่องราวของเรือนเวลาที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาของเหล่านักบินยุค 1930s และการเดินทางผจญภัยเหนือฟากฟ้า คู่กับความเที่ยงตรงของนาฬิกาที่เปรียบเหมือนกับอุปกรณ์คู่กายของพวกเขาเหล่านี้ก็ยังคงเดินหน้าพัฒนามาสู่สมาชิกรุ่นใหม่ๆ เรื่อยมา
2 รุ่นใหม่ของ Calatrava Pilot Travel Time Chronograph
ในปีนี้ Patek Philippe ได้ต่อยอดจากความสำเร็จแห่งเส้นทางการบินของนาฬิกา Pilot นี้ด้วยผลงาน 2 รุ่นใหม่ของ Calatrava Pilot Travel Time Chronograph ทั้งใน Ref. 5924G-001 และ Ref. 5924G-010 ซึ่งทั้งคู่มาพร้อมตัวเรือนไวต์โกลด์ 42 มม. แต่แตกต่างกันด้วยหน้าปัดสีน้ำเงิน-เทาตกแต่งแบบกระจายแสง ที่จับคู่มากับสายหนังวัวสีน้ำเงินเข้มแบบเกรนของ Ref. 5924G-001 และหน้าปัดสีเขียวกากีเคลือบแล็กเกอร์ คู่ด้วยสายหนังวัวสีเขียวมะกอกใน Ref. 5924G-010 ส่วนในแง่ของฟังก์ชัน ในนาฬิกา 2 รุ่นใหม่นี้ยังได้เสริมเติมแต่งไว้ด้วยความสามารถทางเทคนิคอีกหลายจุด


ข้อแรกคือ การเป็น Patek Philippe รุ่นแรกในคอลเล็กชั่น Pilot
ครั้งนี้ได้เลือกติดตั้งกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ Caliber CH 28-520 C FUS ซึ่งเป็นกลไกที่ผสมผสานไว้ด้วย 3 ความสลับซับซ้อน และล้วนพัฒนาขึ้นให้สามารถใช้งานได้ง่ายและเป็นมิตรต่อผู้สวมใส่ ไม่ว่าจะเป็น ความสลับซับซ้อนแรก อย่าง โครโนกราฟฟลายแบ็ก ที่ควบคุมได้อย่างรวดเร็วผ่านปุ่มกด 2 ปุ่ม ณ ตำแหน่ง 2 และ 4 นาฬิกา ตามมาด้วยฟังก์ชัน Travel Time หรือการแสดงเวลาสองไทม์โซน ด้วยเข็มชี้ชั่วโมงกลาง 2 เข็ม ตบท้ายด้วยการแสดงวันที่ซึ่งสอดคล้องตามเวลาท้องถิ่น (local time) ผ่านเข็มชี้บนหน้าปัดย่อยที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ทว่า โจทย์ที่ยากไปกว่าการผสมผสานระหว่าง 3 ความสลับซับซ้อนมาไว้ในกลไกการทำงานชุดเดียวกันนี้ ก็คือการจัดวางหน้าปัดย่อยและตัวแสดงฟังก์ชันต่างๆ ทั้งหมด ให้สามารถแสดงและอ่านค่าได้อย่างชัดเจน ทั้งยังต้องคงความสวยงามของเลย์เอาต์บนหน้าปัดกลางของนาฬิกาไว้ด้วย ซึ่ง Patek Philippe ตอบโจทย์นี้ได้อย่างชาญฉลาด


เริ่มที่การจัดวางหน้าปัดย่อยสำหรับแสดงวันที่ด้วยเข็มชี้ ซึ่งสอดคล้องตามเวลาท้องถิ่น (local time) ไว้ ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา เพื่อมอบความชัดเจนในการแสดงข้อมูลเวลาหลักๆ ที่เหล่านักเดินทางต้องคำนึงถึงเสมอ จากนั้นจึงไล่ลงมาที่ตำแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกา จะเห็นช่องหน้าต่างทรงกลม 2 ช่อง และสัญลักษณ์สีขาวหรือสีน้ำเงิน สำหรับใช้ในการแสดงกลางวัน/กลางคืนของเวลาบ้านเกิด (HOME) และแสดงกลางวัน/กลางคืนของเวลาท้องถิ่น (LOCAL) แยกกัน ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่ช่วยให้นักเดินทางสามาถเช็คช่วงเวลาที่เหมาะสมในการติดต่อธุรกิจ หรือแม้แต่ติดต่อครอบครัวที่อยู่ต่างไทม์โซนกันในระหว่างเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ก่อนจะต่อมายังด้านล่างสุด ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ที่จัดวางไว้ด้วยหน้าปัดย่อยแสดงผลการจับเวลา 60 นาที ส่วนเข็มชี้วินาทีกลางทำหน้าที่จับเวลาวินาที และแสดงวินาทีเมื่อไม่ได้เปิดใช้งานฟังก์ชันโครโนกราฟ พร้อมทั้งเข็มชั่วโมงกลาง 2 เข็ม ซึ่งทำหน้าที่แสดงเวลาท้องถิ่นสำหรับเข็มแบบทึบ และแสดงเวลาบ้านเกิดสำหรับเข็มแบบสเกเลตัน และจบท้ายที่เข็มนาทีกลางสำหรับแสดงนาที กับความสง่างามของหน้าปัดที่บรรจุไว้ด้วยตัวเลขไวต์โกลด์ และบรรดาเข็มชี้ทรงดาบเคลือบด้วยสารเรืองแสง สำหรับมอบการอ่านค่าและการมองเห็นได้อย่างชัดเจนในทุกสภาวะแสง


หากมองจากด้านตัวเรือนฝั่งตรงข้ามกับด้านเม็ดมะยม ยังบรรจุไว้ด้วยตัวปรับตั้งเวลาท้องถิ่นที่แยกระหว่างตัวปรับตั้งไปข้างหน้า และตัวปรับตั้งถอยหลังครั้งละ 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีตัวปรับตั้งวันที่ไว้อีกหนึ่งจุด ณ ตำแหน่งระหว่างหูตัวเรือนเชื่อมสายด้านบนของนาฬิกา ส่วนเม็ดมะยมยังคงทำหน้าที่สำหรับไขลานและปรับตั้งเวลาตามปกติ นาฬิกา 2 รุ่นใหม่นี้จะเข้ามาสมทบกับรุ่น Ref. 5524G-001 และ Ref. 5524R-001 ของคอลเล็กชั่น ขณะที่รุ่น Ref. 7234G-001 และ 7234R-001 จะหยุดการผลิตลงในต้นปีนี้
สำหรับคนที่ชื่นชอบในสไตล์ Pilot และกำลังมองหานาฬิกาโครโนกราฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความสมดุลของการผสมผสานระหว่างฟังก์ชันและความสวยงามลงตัวของรูปลักษณ์หน้าตาในเรือนเวลารุ่นนี้ น่าจะเป็นอีกหนึ่งคำตอบที่ยากจะปฏิเสธเลยทีเดียว