MSGM Spring-Summer 2026 สองล้อ ความเร็ว และศิลปะบนเส้นขอบเมือง

Written by Afdol Salah

ในขณะที่แบรนด์หรูส่วนใหญ่ยังคงวนเวียนอยู่ในสามเหลี่ยมทองคำของมิลาน Massimo Giorgetti เลือกจะปั่นออกนอกเส้นทาง เขาไม่เห็นมิลานเป็นเพียงเวทีแฟชั่น หรือจุดแวะของนักท่องเที่ยวผู้หลงใหลในชื่อแบรนด์ หากแต่เป็นเมืองที่ยังหายใจ มีขอบเขตที่กำลังขยาย และเต็มไปด้วยแรงสั่นสะเทือนจากศิลปะ ดีไซน์ และดนตรีใต้ดิน “มิลานไม่ได้อยู่แค่กลางเมืองอีกต่อไป” เขากล่าวไว้ “มันกำลังเกิดขึ้นรอบนอกต่างหาก”

นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ฤดูกาลนี้ Giorgetti เลือกทิ้งรันเวย์แบบดั้งเดิม แล้วดึงความเป็นศิลปะร่วมสมัยเข้ามาแทน ผ่านการร่วมงานกับ Fosbury Architecture ที่เปลี่ยนร้านเรือธง MSGM ให้กลายเป็นอินสตอลเลชันศิลป์แนว Christo และเสริมด้วยวิดีโอโทนดิบจาก Turbo Studio รวมถึงการเชื้อเชิญกลุ่มนักปั่นจักรยานผาดโผนอย่าง 24.7 Fastlife Collective ที่มาเป็นทั้งแรงบันดาลใจและผู้นำเสนอคอลเลกชัน ทั้งหมดนี้คือการยืนยันว่า Giorgetti กำลังพูดกับคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่เพียงแค่ขายให้พวกเขา

ในแง่ของดีไซน์ คอลเลกชันนี้พูดภาษาเดียวกับความเร็ว อะดรีนาลิน และพลังจากร่างกายจริง ๆ ที่ไม่ผ่านฟิลเตอร์ โดยแทนที่โลโก้ด้วยคำอย่าง Dopamine, Antidoping, Endorphins เหมือนจะพูดว่า นี่คือแฟชั่นที่หล่อเลี้ยงสมอง มากกว่าเเค่การให้ความรู้สึก เสื้อแข่งจักรยานอย่าง Maglia Gialla และ Maglia Rosa ถูกตีความใหม่เป็นเสื้อผ้าลำลองที่ใส่ได้จริง และนี่คือจุดแข็งของ Giorgetti ที่เขารู้วิธีเล่าเรื่องส่วนตัวให้กลายเป็นเรื่องส่วนรวม 

ภาพถ่ายจาก iPhone ขณะปั่นเสือภูเขา ถูกนำมาพิมพ์ลงบนเชิ้ตโอเวอร์ไซส์หรือเสื้อกั๊กถัก เสื้อสูทที่มีลุคเหมือนชุดนอนแต่งขอบด้วยเส้นท่อ ถูกตัดเย็บจากผ้าไตรอะซิเตตเจอร์ซีย์ชนิดยืดหยุ่นเ ดียวกับที่ใช้ในชุดแทร็กสูท ที่ให้ความรู้สึกสบายแต่คงไว้ซึ่งความสปอร์ต หรือแม้แต่การหยิบผ้ากอบเปอลินแบบที่ใช้บุโซฟามาทำเป็นเสื้อบอมเบอร์และกางเกงขาสั้น ก็เหมือนกับการเล่นมุกในแบบที่ “แฟชั่นรู้ตัวเองดีว่ากำลังล้อเลียนอะไรอยู่” ไม่จำเป็นต้องหรู แต่ต้องสนุก และเต็มไปด้วยร่องรอยของชีวิต

แต่ในขณะที่การสื่อสารของคอลเลกชันดูจะฉลาดและมีอารมณ์ขัน สิ่งที่น่าสังเกตคือการวางจุดยืนของแบรนด์ที่อิงอยู่กับวัฒนธรรมเยาวชนและ subculture แบบเฉพาะกลุ่ม คำถามจึงไม่ใช่แค่ ‘ชุดนี้เท่ไหม’ แต่คือ ‘ใครเข้าใจมัน’ เพราะด้วยโทนดิบ ความจงใจในการหลีกเลี่ยงความเป๊ะ และการใช้ภาษากายมากกว่าภาษาแบรนด์ คอลเลกชันนี้อาจไม่พูดกับทุกคนในตลาด แต่มันพูดกับบางคนได้อย่างลึกซึ้งกว่าการสื่อสารเเบบผิวเผิน

เนื้อผ้าก็มีน้ำหนักเชิงเทคนิค ทั้งไนลอนที่พร้อมเคลื่อนไหว Cordura ที่ทนเหมือนผ่านทางฝุ่น และเสื้อเชิ้ตตาข่ายที่ดูเหมือนหลุดมาจากสนามซ้อมจักรยาน ขณะที่โครงสร้างของเสื้อผ้าเบนเข็มไปทาง deconstructed tailoring ที่ไม่เน้นทรงเป๊ะ แต่เอื้อให้ร่างกายขยับได้ เป็นแนวคิดที่น่าสนใจในยุคที่แฟชั่นกำลังถามตัวเองว่า “เราแต่งตัวเพื่อใคร เพื่อเดิน หรือเพื่ออยู่นิ่ง”ซึ่งเมื่อคอลเลกชั่นนี้นำเสนอโดยกลุ่มนักปั่นจริงๆ ที่รอยแผลบนผิวหนังคือหลักฐานของความหลงใหล คอลเลกชันนี้จึงไม่ได้สร้างภาพฝันลวง แต่คือการแสดงให้เห็นว่า “เสื้อผ้าสามารถตามร่างกายไปได้ไกลแค่ไหน” Giorgetti อาจไม่ได้ทำแฟชั่นที่เร้าอารมณ์แบบอาวองต์การ์ด แต่เขาแสดงให้เห็นว่า MSGM ก็สามารถเป็นสนามทดลองที่จริงจังได้ โดยไม่ต้องร้องตะโกนออกมา เพราะบางทีสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในคอลเลกชันนี้ไม่ใช่ลายพิมพ์หรือการตัดเย็บ แต่คือการที่ Giorgetti ยอมถอยหลังจากความวูบวาบ แล้วปล่อยให้ร่างกาย คนจริง และพื้นผิวของเมือง เป็นผู้พูดแทนเสื้อผ้าอย่างแท้จริง

Similar Articles

More