เมื่อ Paris Fashion Week วนเวียนกลับมาอีกครั้งอีกหนึ่งไฮไลต์ที่หลายคนตั้งตารออย่าง Louis Vuitton โดยครีเอทีฟไดเรกเตอร์ Pharrell Williams ก็ยังได้กระแสอยู่อย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้เขาเลือกพาผู้ชมเดินทางสู่แดนชมพูทวีป ‘อินเดีย’ แต่ในเวอร์ชั่นของเขาเองที่ไม่ใช่ผ่านทูนิกหรือกางเกงปาตาลูน แต่ผ่านการสื่อสารพลังอ่อนของวัฒนธรรม การช่างฝีมือ และจินตนาการร่วมสมัยที่ปลุกอินเดียให้มีชีวิตในแบบ LV
คอลเล็กชันนี้เป็นมากกว่าเสื้อผ้า แต่มันคือ ‘การบอกเล่าเรื่องราว’ ผ่านสีสันและเนื้อผ้าที่แฝงกลิ่นอายของตลาดพื้นเมือง จากเดลีถึงมุมไบ ไปจนถึงโชธปุระ ฟาร์เรลล์และทีมงานลงพื้นที่อินเดียเพื่อศึกษาความงามของการตัดเย็บ ผ้าทอ งานปัก ไปจนถึงความงดงามที่เรียบง่ายของการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน
บนรันเวย์ใจกลางย่าน Pompidou Center ที่ปิดถนนทั้งเส้นเพื่อเนรมิตเป็นกระดานงูไต่บันไดขนาดเท่าจริง ฟาร์เรลล์เสิร์ฟโชว์สุดอลังพร้อมแขกคนดังระดับเอลิสต์อย่าง Beyoncé, Jay-Z, Bradley Cooper และจากฝั่งเอเชียนำทีมโดย Gong Yoo นักแสดงระดับตำนานจากเกาหลี ที่ปรากฏตัวพร้อมคาแรกเตอร์สุขุมนุ่มลึก J-Hope แห่ง BTS
เรียกเสียงฮือฮาทุกย่างก้าว BamBam กับลุคหล่อไร้ที่ติ Jackson Wang ในลุคสุดคูล ด้านฝั่งเกาหลียังมี Yuta แห่ง NCT ปิดท้ายด้วย โฟร์ท–ณัฐวรรธน์ นักแสดงหนุ่มดาวรุ่งจากไทย ที่สะกดทุกสายตา ณ โชว์ระดับโลกครั้งนี้ ต่างมาช่วยเพิ่มดีกรีความร้อนแรงของโชว์จนฝูงชนแทบแตก
จากเกม Snakes and Ladders สู่ซาวด์แทร็กโดย A. R. Rahman คอลเล็กชันผู้ชายฤดูใบไม้ผลิ–ฤดูร้อน 2026 ของ Louis Vuitton คือบทกวีแด่วัฒนธรรมอินเดียในแบบที่ ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ มองเห็นละเมียด ประณีต และทรงพลัง
กลิ่นอายแห่งอินเดีย…ในแบบ Louis Vuitton
เฉดสีหลักของคอลเล็กชันดึงมาจาก ‘เครื่องเทศ’ บนโต๊ะอาหารอินเดีย ครามจากกาแฟเหลืองขมิ้นแดงอบเชย กลายเป็นพาเล็ตต์ใหม่ของเสื้อผ้าผู้ชายที่หรูหราแต่ไม่ต้องการเสียงดังพวกมันปรากฏบนแจ็กเก็ตหนังเฉดมะเขือม่วงเข้มสูท Prince of Wales สีเทาปักเลื่อมซีทรูหรือเสื้อคลุมที่ดูเหมือนผ่านแสงแดดมานับสิบปี
บาลานซ์ระหว่างหัตถศิลป์และความสบาย
ความโดดเด่นของคอลเล็กชันอยู่ที่การหลอมรวมเสน่ห์แห่งงานฝีมือเข้ากับฟังก์ชันที่สวมใส่ได้จริง ไม่ว่าจะเป็นเช็ตสูทลาย Madras ที่จับคู่กับแจ๊กเก็ตวินด์เบรคเกอร์ เสื้อฮู้ด และเสื้อพัฟเฟอร์ที่ซ่อนรายละเอียดหรูหรา เช่น ฮู้ดประดับเพชรพลอยแบบมหาราชา ทั้งหมดคือการรีดิฟายน์ความหรูหราให้อยู่ในชีวิตจริง
หนังคลาสสิก The Darjeeling Limited กลับมาอีกครั้งกับ LV
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการนำลายพิมพ์จาก The Darjeeling Limited ภาพยนตร์โดย Wes Anderson ที่ Louis Vuitton เคยร่วมออกแบบกระเป๋าให้ในปี 2007 กลับมาอีกครั้งอย่างสมบูรณ์ ทั้งเสือดาว ช้าง ม้าลาย ยีราฟ ปรากฏบนเสื้อเชิ้ต เดนิม สูท และแอ็กเซสซอรี รวมถึงกระเป๋าทรงซิกเนเจอร์อย่าง Keepall, Soft Trunk และ Christopher Backpack ที่ดูราวกับหลุดออกจากโปสการ์ดยุคโคโลเนียล
ฟาร์เรลล์ x อินเดีย
นอกจากงานออกแบบ ฟาร์เรลล์ยังร่วมงานกับ Bijoy Jain สถาปนิกจาก Studio Mumbai ออกแบบโชว์เซตที่ได้แรงบันดาลใจจากเกมโบราณ ‘Snakes and Ladders’ และใช้ดนตรีประกอบโดย A.R. Rahman คอมโพสเซอร์ชั้นครูของอินเดีย ถ่ายทอดจิตวิญญาณของโชว์แบบ ‘แฟนตาซีแดนภารตะ’ ได้อย่างวิจิตร
“ผมไปอินเดียด้วยความรู้สึกขอบคุณ และกลับมาด้วยความรู้สึกขอบคุณ” ฟาร์เรลล์กล่าว “ผมไม่ได้ยืม แต่เล่าเรื่องที่อินเดียเป็นแรงบันดาลใจให้ผม”
‘กระเป๋า’ คือหัวใจของโชว์
แม้เสื้อผ้าจะสะกดทุกสายตา แต่สินค้าหลักของแบรนด์อย่างกระเป๋าก็ยืนหนึ่งได้ไม่แพ้กัน คอลเล็กชันนี้ชุบชีวิต ทรังก์แห่งการเดินทาง ในแบบร่วมสมัย ทั้งในรูปทรง วัสดุ และเรื่องราว มีการเล่นกับผิวสัมผัสตั้งแต่เดนิมคราม coffee-indigo หนังจระเข้สีน้ำเงิน ไปจนถึงผ้าทอ Madras ที่กลายเป็นกระเป๋าโท้ตขนาดใหญ่สำหรับนักเดินทางยุค new nomad
ผ้าใบ Louis Vuitton Malletier ใบใหม่ทำจากหนังลูกวัวนุ่มพิเศษแบบวินเทจ มาพร้อมดีไซน์ใหม่ เช่น Needle Bag และ Nil Bag จากคลังเก็บ พร้อมทั้งกระเป๋าระดับไฮคราฟต์ Speedy P9 หลากหลายรูปแบบ เช่น ปักดิ้นทอง ปักโลโก้บนหนังจระเข้ ผ้าพิมพ์ลายผ้าพันคอ หรือทอแบบพรมต้นไม้แห่งชีวิต นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าจากหนังจระเข้ฟินิชซาฮาร่า ฝังอัญมณี ชุดหมากรุกจากหินอ่อน และกระเป๋าคาดเอวตกแต่งเพชรเทียม
บางใบได้แรงบันดาลใจจากหีบโบราณของอินเดีย พร้อมดีเทลสายหนังปักคริสตัลหรือลายดอกไม้แบบ jewel tone ที่เปลี่ยนกระเป๋าให้กลายเป็น ‘ของสะสม’ แทนที่จะเป็นแค่ของใช้
ทุกรายละเอียดคือการเดินทาง จาก Speedy P9 ที่ตัดเย็บด้วยหนัง buttersoft ปักลายโลโก้ด้วยดิ้นทอง หรือแบบที่ทอจากพรมต้นไม้แห่งชีวิต กระเป๋ารุ่นพิเศษหลายใบยังใช้ลวดลายจาก The Darjeeling Limited ในแบบที่หลอมรวมงานฝีมือดั้งเดิมกับความหรูหราสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว
เมื่อ Louis Vuitton พูดถึง ‘อินเดีย’ คอลเล็กชันนี้ไม่ใช่การจำลองอินเดีย แต่คือการตีความอินเดียผ่านสายตาของนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ที่เคารพรากวัฒนธรรม โชว์นี้จึงไม่เพียงประกาศว่าอินเดียคือจุดหมายใหม่ของโลกแฟชั่นลักชัวรี แต่ยังยืนยันว่าภายใต้ผืนผ้า กระเป๋า และรองเท้า สิ่งที่สวมใส่ได้จริงnสามารถเป็นบทสนทนาระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตกได้อย่างลึกซึ้งและงดงาม