แฟนๆ ผู้หลงใหลในวิศวกรรมเรือนเวลาชั้นยอดของ Hublot คงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะเป็นครั้งแรกของแบรนด์ที่โมเดล MP-15 มาพร้อมกับ Central Flying Tourbillon หรือ จักรกลทูร์บิญองกลาง ดังนั้น MP-15 Takashi Murakami Tourbillon Flying Only Watch จึงสร้างประวัติศาตร์ครั้งใหม่ให้กับสายการผลิตในโรงงานของ Hublot ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 40 ปี โดยนาฬิกาสุดพิเศษเรือนนี้จะผลิตเพียงหนึ่งเรือนเท่านั้น สำหรับร่วมประมูลในงาน Only Watch เพื่อช่วยเหลือโครงการวิจัยเกี่ยวกับโรคกล้ามเนื้อเสื่อมสภาพ (Duchenne’s disease) และสร้างความเอกซ์คลูซีพอีกขั้นด้วยการจับมือกับ Takashi Murakami ศิลปินชาวญี่ปุ่นผู้เป็น Friend of Hublot มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2020
Central Flying Tourbillon ครั้งแรกจาก Hublot
เรือนเวลา MP-15 Takashi Murakami Tourbillon Only Watch เป็นตัวแทนการผสมผสานโลกแห่งศิลปะและวิศวกรรมเรือนเวลาจาก Hublot โดยตัวศิลปินได้เน้นชัดถึงการนำ Central Tourbillon มาใช้ในผลงาน ซึ่งถือเป็นความท้าทายขีดข้อจำกัดของแบรนด์เป็นอย่างมาก เพราะต้องอาศัยความสลับซับซ้อนสูงในการแสดงเวลาชั่วโมงและนาทีที่ต้องจัดวางไว้ในตำแหน่งศูนย์กลางเดียวกัน ภายใต้งานออกแบบนี้จักรตั้งเข็ม (cannon pinion) และเฟืองชั่วโมง (hour wheel) จะถูกหมุนไปรอบๆ ตัวรองรับทูร์บิญองเพื่อให้เกิดโครงสร้างแบบแกนร่วมสำเร็จได้โดยการใช้การใช้กลไลแบบ ‘เซ็นทรัล ฟลายอิ้ง ทูร์บิญอง’ ที่ดูราวกับลอยอยู่กลางอากาศ เข็มชี้ทั้งสองเข็มที่เดินอยู่ภายใต้ของกรงทูร์บิญองทำหน้าที่แสดงเวลาชั่วโมงและนาที และมาพร้อมกับกระปุกลานสองตัวที่ทำให้สามารถสะสมพลังงานสำรองได้นานถึง 150 ชั่วโมง หรือเกือบหนึ่งสัปดาห์เต็ม
ความเบ่งบานที่เปล่งประกาย
ความพิเศษยังไม่หมดเพียงแค่เรื่องของกลไกภายในเท่านั้น MP-15 Takashi Murakami Tourbillon Only Watch ยังสะท้อนถึงความงามแห่ง Takashi ด้วยการประดับตกแต่งอัญมณีล้ำค่าถึง 444 เม็ด บนกลีบดอกไม้ทั้ง 12 กลีบ ซึ่งกลีบดอกเหล่านี้ได้ถูกจัดวางด้วยมุมเอียงเข้าสู่ศูนย์กลางของกลไก สอดรับกับหน้าปัดแซฟไฟรทรงโดมที่แกะสลักด้วยเลเซอร์รอยยิ้มและด้วยดวงตาที่ยิ้มแย้มทั้งสองดวง
Calligraphy ผลงานสำหรับนักสะสมกับ Calligraphy
เพื่อมอบเป็นของขวัญสุดพิเศษสำหรับครอบครอง MP-15 Takashi Murakami Tourbillon Only Watch ผลงานศิลปะ Calligraphy โดย Takashi Murakami เขาได้กล่าวถึงผลงานชิ้นนี้ว่า “ผมตัดสินใจเขียนคาลิกาฟีอีกครั้งซึ่งเป็นศิลปะที่แม่ของผมหลงใหลมาก และผมใช้เวลาเรียนมาแล้วหลายคลาสตั้งแต่ห้าขวบจนถึงอายุสิบเจ็ดปี ผมพัฒนาฝีถึงระดับ 7 ซึ่งเทียบเท่ากับการเป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอน แต่การฝึกเขียนลายมือของผมก็ห่างหายไปหลังผลเข้าโรงเรียนศิลปะ แต่แม่ก็ยังคงพูดถึงมันทุกครั้ง! ผมตัดสินใจหวนคืนสู่ศิลปะแขนงนี้อีกครั้ง โดยการทำงานบนกระดาษกรองกาแฟที่ใช้แล้วซึ่งดีอย่างมากให้กับน้ำหมึก และนี่เองที่ทำให้ผมสามารถสร้างสรรค์คาลิกาฟีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในชื่อ ‘Time of Rainbow’ ได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกาหนึ่งเดียวที่ผมได้ออกแบบร่วมกับ Hublot for Only Watch 2023 นี้”
