ในที่สุดลมหนาวก็พัดมาทักทายคนกรุงเทพให้ได้สัมผัสความเย็นกันเสียที ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่เราจะออกไปปาร์ตี้สังสรรค์กับแก๊งเพื่อน นั่งชิลกับคนรัก ดินเนอร์กับครอบครัว สำหรับคนที่กำลังมองหาโลเคชั่นฉลองปีใหม่ เราก็ไม่พลาดที่จะคัดสรรร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่ เพื่อให้คุณได้ดื่มด่ำกับรสชาติอาหารและเครื่องดื่มในบรรยากาศเฟสทีฟ ปักหมุดเช็คอินก่อนจะส่งท้ายปี 2024 กันอย่างเป็นทางการ
Monster by Tong
ถ้ากำลังมองหาสถานที่จัดดินเนอร์แบบไพรเวทกลุ่มเล็กๆ ในบรรยากาศเป็นกันเอง ให้ความรู้สึกเหมือนมาปาร์ตี้บ้านเพื่อน แนะนำ Monster by Tong ตั้งอยู่ที่บ้านไพศาลในซอยสุขุมวิท 49/13 ที่นี่ล้อมรอบด้วยสวนสวยเขียวขจี เสิร์ฟเมนูเชฟเทเบิลซึ่งรังสรรค์ขึ้นโดย ‘เชฟต้อง-นันทวดี นันทาภิวัฒน์’ ทั้งนี้คุณสามารถยกระดับช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองด้วยมื้ออาหารรสเลิศ ผ่านเมนูอาหารที่ได้รับการปรุงอย่างพิถีพิถัน โดยจับคู่กับเครื่องดื่มหมักบ่มอย่าง The Balvenie 12, 16, 21 และ 30 ปี เพื่อเติมเต็มโมเม้นต์พิเศษให้น่าจดจำยิ่งขึ้น
How to get there: บ้านไพศาล ซอยสุขุมวิท 49/13 เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 22:00 น.
MOZZA by Cocotte
ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักชิมที่ชื่นชอบอาหารอิตาเลียนโฮมเมดสูตรต้นตำรับ นอกจากโลเคชั่นที่สามารถมองเห็นวิวโค้งน้ำเจ้าพระยา ที่นี่ยังเสิร์ฟเมนูหลากหลาย มีให้เลือกตั้งแต่โคลด์คัท พิซซ่า พาสต้า รวมถึงมีเมนูอะลาคาร์ท (À la carte) ที่เหมาะกับคนกินมังสวิรัติ วีแกน ฮาลาล และคนที่ใส่ใจเรื่อง Gluten-Free หนึ่งในกุญแจสำคัญคือการเลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบคุณภาพ ถ้ามากันหลายคนแนะนำให้ลองสั่งพิซซ่าเมนูซิกเนเจอร์ของร้านมาชิม โดดเด่นด้วยสัมผัสของแป้งกรอบๆ หรือพาสต้าสไตล์คลาสสิกที่มีรสชาติอร่อยจนหยุดไม่ได้
How to get there: ชั้น G โซน The Veranda ศูนย์การค้า ICONSIAM
Thurty
พาไปตะลุยซอยนานาที่หลายคนคุ้นเคย เมนูซิกเนเจอร์ของบาร์แห่งนี้ประกอบไปด้วยค็อกเทลแบบแฮนด์คราฟต์ มาพร้อมคอนเซ็ปต์สุดสร้างสรรค์ที่ตั้งใจสะท้อนให้เห็นถึงฉากชีวิตของคนวัย 30 เน้นใช้วัตถุดิบที่สามารถหาได้จากครัวในบ้าน คุณจะสนุกกับการเลือกสั่งเครื่องดื่มได้ตามอารมณ์หรือความรู้สึกของค่ำคืนนั้น แนะนำให้ลอง Long Lost Friend ที่มาในรูปแบบกรานิต้าแตงโม โดดเด่นด้วยรสหวานเย็นสดชื่นเหมือนน้ำแข็งไส เสิร์ฟมาพร้อมกับขวด Rye Whisky Lilet Blanc สำหรับเทราดลงไปบนกรานิต้า สื่อถึงมิตรภาพและความทรงจำในวัยเด็กที่เลือนหายไปตามกาลเวลา ทุกครั้งที่ได้ลิ้มรสกรานิต้านี้จะนำพาให้หวนไปสู่อดีตอันหอมหวาน
How to get there: ตั้งอยู่ในซอยนานา ปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 17:00 น. – 01:00 น.
Attico
Attico ห้องอาหารอิตาเลียนชั้นนำ เปิดตัวหัวหน้าเชฟคนใหม่ Federico Zacche พร้อมนำเสนอเมนูที่ได้แรงบันดาลใจจากแคว้นทัสคานี ดินแดนในฝันอันสวยงามของอิตาลี ให้ทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารอิตาเลียนแท้ ๆ แบบยกระดับ ด้วยการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ของเชฟเฟเดริโก้ เข้าไปในการนำเสนออาหารอิตาเลียนแบบดั้งเดิม ท่ามกลางบรรยากาศแบบชนบทที่มีเสน่ห์ โดยมีวิวพาโนรามาของกรุงเทพฯ เป็นฉากหลัง
เมนูที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งคือ Truffle Cannelloni ที่คลุกเคล้าทรัฟเฟิล มอสซาเรลลาชีส และมันฝรั่ง ราดฟองดูว์พาร์เมซานเนื้อครีมเข้มข้น หรือจะเลือก Pizzetta ซึ่งอัดแน่นด้วยรสชาติจากเบคอนกวานชาเล่ ชีสอาเซียโกทรัฟเฟิล และทรัฟเฟิลดำ
How to get there: บนชั้น 28 โรงแรม เรดิสัน บลู พลาซ่า กรุงเทพ เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 18:00 น. ถึง 23:00 น. สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ เปิดตั้งแต่เวลา 12:00 น. ถึง 23:00 น.
Zuma Bangkok
เทศกาลแห่งความสุขที่กำลังจะมาถึงนี้ ซูม่า กรุงเทพฯ พร้อมเตรียมต้อนรับช่วงเวลาแห่งความทรงจำด้วยโปรแกรมเฉลิมฉลองสุดพิเศษตลอดทั้งเดือน สำหรับที่กรุงเทพฯ แขกสามารถสัมผัสบรรยากาศแห่งความรื่นเริงกับเมนู Festive Daikoku Tasting Menu อิ่มอร่อยกับ Festive Brunch และเพลิดเพลินไปกับ New Year’s Eve Premium Tasting Menu ก่อนปิดท้ายด้วยปาร์ตี้เคาท์ดาวน์ที่น่าจดจำ ก่อนจะไปเฉลิมฉลองวันปีใหม่ด้วยกันกับ Zuma New Year’s Day Brunch เพื่อต้อนรับปี 2025 อย่างมีสไตล์
How to get there: Zuma Bangkok ชั้น G ของภายในโรงแรม The St. Regis Bangkok
Wolfgang’s Steakhouse
ร้านวูฟแกงส์ สเต็คเฮ้าส์ เป็นร้านที่ผสมผสานทั้งความคลาสสิกและความทันสมัย กลมกลืนไปกับบรรยากาศของมื้ออาหารที่มีความร่วมสมัย และยังมีพื้นที่ด้านนอกให้ลูกค้าได้ชิลกับวิสกี้บาร์ และคลังไวน์ที่บรรจงคัดสรรจากทั่วโลกกว่า 2,000 ขวด ทั้งจากหุบเขาเนปา (Napa Valley) สหรัฐอเมริกา อเมริกาใต้ ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ พร้อมที่นั่งแบบ Open Air ด้านนอกให้มานั่งดื่ม นั่งชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามยามค่ำคืนของกรุงเทพฯ เปิดให้บริการทุกวัน
How to get there: Wolfgang’s Steakhouse ณ One Bangkok ตั้งแต่เวลา 17.00 – 23:30 น. และช่วงประมาณกลางเดือนมกราคม 2568 มีแพลนเปิดแบบเต็มเวลาตั้งแต่ 11:30 – 23:30 น.
Underhound by Greyhound
ค็อกเทลสุดพิเศษจะจัดขึ้นที่ Pop-Up Store ของ Underhound by Greyhound ค็อกเทลสุดพิเศษมีทั้ง Hendrick’s Cranberry Fizz – ค็อกเทลที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งเทศกาล ผสมผสาน Hendrick’s Original กับแครนเบอร์รี่และแตงกวา หรือจะเป็น Hendrick’s Flora Clover Club – ผสานความลงตัวระหว่าง Hendrick’s Flora Adora และค็อกเทลคลาสสิก Clover Club เพิ่มความหอมหวานด้วยราสเบอร์รี่ ซิตรัส และกลิ่นดอกไม้ หรือจะเป็น Hendrick’s Grand Cabaret Iced Tea – ค็อกเทลที่เสิร์ฟมาในถ้วยชาของ Hendrick’s ที่ผสมผสานกลิ่นอันโดดเด่นของ Hendrick’s เข้ากับชา เครื่องเทศ และความหวานที่กลมกล่อม
How to get there: Underhound by Greyhound ณ สยามพารากอน จนถึงวันที่ 5 มกราคม 2025
Häagen-Dazs ‘Festive Collection‘
แวะไปที่คาเฟ่ของ Häagen-Dazs ชิมไอศกรีม Festive Collection ที่รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุข นำทัพโดย Red Velvet Cheesecake รสชาติสุดโปรดที่กลับมาอีกครั้ง พร้อมมอบความอบอุ่นและความรื่นรมย์ด้วยครีมชีสเนียนนุ่มละมุน ผสานเข้ากับความเข้มข้นของเค้กเรดเวลเวท เนื้อเค้กนุ่ม ๆ ที่แทรกตัวอยู่ทั่วทั้งเนื้อไอศกรีม มอบรสชาติสุดหรูหราและเข้มข้นในทุกคำ และชวนสัมผัสความสดชื่นแปลกใหม่กับ Mint Chocolate รสชาติใหม่ล่าสุดที่ผสานความสดชื่นเข้ากับกลิ่นอายแห่งวันวานได้อย่างลงตัว ด้วยไอศกรีมเนียนนุ่มละมุน แทรกด้วยช็อกโกแลตกรุบกรอบ พร้อมด้วยซอส มิ้นท์ หอมเย็นสดชื่น มอบรสสัมผัสที่ตัดกันอย่างลงตัว พาย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาแห่งความสุขแสนหวาน 2 รสเฟสทีฟเสิร์ฟความอร่อยในรูปแบบพาร์เฟต์ และไอศกรีมเค้กสุดพิเศษ ให้ได้ดื่มด่ำกับรสชาติแห่งความสุขอย่างเต็มที่ อาทิ Red Velvet Frost ice cream cake: ไอศกรีมเค้กสำหรับคนรักเรดเวลเวท Red Velvet Brownie Parfait และ Red Velvet Brownie Dream สองเมนูขนมหวานที่จะมอบประสบการณ์ความอร่อยระดับพรีเมียม ที่คนรักช็อกโกแลตต้องหลงใหล และ Belgian Chocolate Deluxe Ice Cream Shake เครื่องดื่มสุดคลาสสิกที่กลับมาให้ลิ้มลองอีกครั้ง
How to get there: คาเฟ่ของ Häagen-Dazs ทุกสาขา
