ค่านิยมของคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะกับ Gen-Z ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความเท่าเทียม และความหลากหลายแผ่กระจายเป็นวงกว้างจนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของสังคมโลกในทศวรรษ 2020 และปกคลุมไปทั่วหลากอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกับอุตสาหกรรมแฟชั่นและความงามที่ให้ความสำคัญกับ Diversity ไม่แพ้เรื่องใด คนรุ่นใหม่ที่หลงใหลแฟชั่นต่างต้องการให้คนสนใจในรสนิยมและตัวตนที่นำเสนอมากกว่าจะมาโฟกัสกับเพศสภาพ อีกทั้งยังไม่ยินดีให้อะไรก็ตามมาบงการรูปแบบการใช้ชีวิตโดยนำเรื่องของเพศมาเป็นตัวกำหนด นี่กระมังจึงทำให้ผลิตภัณฑ์รายแรกๆ ของโลกแฟชั่นที่โอบรับความหลากหลาย และพร้อมทลายเส้นแบ่งเรื่องของเพศพร้อมสโลแกน ‘One for All’ (หนึ่งเดียวเพื่อเราทุกคน) ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายแม้เวลาผ่านมานานถึง 30 ปี และยังมียอดจำหน่ายเป็นเบอร์ต้นของผลิตภัณฑ์ในหมวดยูนิเซ็กซ์ ซึ่งเจ้าผลิตภัณฑ์ที่ว่าก็คือน้ำหอมในดวงใจของใครหลายคน … CK One
ภาพถ่ายโฆษณาน้ำหอม CK One จาก Calvin Klein โดย Steven Meisel (1994)
ย้อนกลับไปในปี 1994 น้ำหอมกลิ่นนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของความขบถ ท้าทาย และเปิดโลกทัศน์ให้แก่ผู้คนยุคใหม่ กลางยุค ’90s ที่อิทธิพลด้านแฟชั่นของนักออกแบบชาวอเมริกันขยายเป็นวงกว้างและเป็นหนึ่งในยุคทองของอาณาจักร Calvin Klein แฟชั่นเฮาส์หลังนี้ได้ทำการปฏิวัติวงการน้ำหอมและเขย่าโลกแฟชั่นด้วยน้ำหอมยูนิเซ็กซ์กลิ่นแรกในขวดเรียบง่ายสไตล์มินิมัล ใช้ฟอนต์ Serif ดูสบายตาสำหรับโลโก้ CK One (ในยุคแรกใช้ฟอนต์ Sans Serif) สะท้อนคาแรคเตอร์ของแบรนด์ที่เรียบ โก้ และเข้าถึงง่าย ภาพถ่ายโฆษณาโดยช่างภาพดัง Steven Meisel (สตีเวน ไมเซิล) ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชุมชนศิลปะในมหานครนิวยอร์ก ให้กลิ่นอายของกรันจ์ เป็นการรวมตัวของคนแฟชั่นระดับท็อป โดดเด่นด้วยนางแบบแห่งยุค ’90s อย่าง Kate Moss (เคท มอส), Stella Tennant (สเตลลา เทนแนนท์) และ Jenny Shimizu (เจนนี่ ชิมิซุ) นางแบบ LGBTQ+ รายแรกๆ ที่เปิดตัวอย่างชัดเจน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยออกเดตกับ Anjelina Jolie (แองเจลิน่า โจลี) และเคยมีความสัมพันธ์แนวโรแมนติกกับราชินีเพลงป๊อป Madonna (มาดอนน่า)
ภาพถ่ายโฆษณาน้ำหอม CK One จาก Calvin Klein โดย Steven Meisel (1994)
“ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ของช่วงกลางยุค ’90s เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้วคนที่ติดตามข่าวสารแฟชั่นในเวลานั้นไม่คิดว่าน้ำหอมยูนิเซ็กซ์ขวดแรกๆ ของโลกจะมาจากแบรนด์ฝั่งอเมริกัน ส่วนใหญ่คิดว่าจะต้องมาจากแบรนด์ที่พยายามนำเสนอเรื่อง Gender-Fluid มาโดยตลอดอย่าง Thierry Mugler หรือ Jean Paul Gaultier แต่กลายเป็น Calvin Klein ก้าวมาเล่นตลาดนี้และประสบความสำเร็จเสียด้วย” – Wattakul N. นักเขียนแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ร่วมถ่ายทอดเรื่องราว “CK One เป็นน้ำหอมยอดฮิตที่เข้าถึงง่าย ง่ายทั้งเรื่องของกลิ่นที่หอมแบบสากล และค่าตัวที่ไม่สูงนัก ตอนเปิดตัวใหม่ๆ ขวดเล็กอยู่ในราคาหลักร้อยเท่านั้น อีกทั้งความฮิตที่ว่ายังวัดได้จากตลาดน้ำหอมซีซีละ 3 บาท (ฮ่าๆ) ยุคนั้นวัยรุ่นที่มีงบไม่มากก็จะใช้บริการร้านที่ขายน้ำหอมแบ่งขายแบบซีซีละ 8 บาทบ้าง 3 บาทบ้าง CK One เป็นกลิ่นหนึ่งที่ทุกร้านต้องมี เพราะขายดีมาก”
ภาพถ่ายโดย Steven Meisel (1994)
CK One น้ำหอมกลิ่นยูนิเซ็กซ์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Calvin Klein ที่มีเบสโน้ตเป็นกลิ่นสับปะรด ส้มแมนดาริน มะกรูด กระวาน มะนาว และมะละกอ กลายเป็นสินค้าขายดี (มาก!) สามารถทำรายได้มากกว่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐใน 10 วันแรกที่เปิดวางจำหน่าย สร้างรายได้ประมาณ 90 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีในช่วงกลางยุค ’90s โดยหลังจากเปิดตัวไปแล้วราว 10 กว่าปีก็ยังสามารถประคองยอดขายอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านเหรียญต่อปีจากตลาดสหรัฐ “เมื่อ CK One เปิดตัวสู่สาธารณชนในปี 1994 มันกลายเป็นตัวกำหนดนิยามของน้ำหอมสมัยใหม่ เพราะเบลอขอบเขตทางสังคม เรื่องเพศ และมอบอิสรภาพจากขนบธรรมเนียมและสภาพที่เป็นอยู่ ซึ่งถือเป็นการทลายกรอบสิ่งต่างๆ อย่างชัดเจน” Simona Cattaneo (ซิโมน่า คัททาเนโอ) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Coty Luxury บริษัทความงามที่เป็นเจ้าของน้ำหอม Calvin Klein กล่าวแถลงการณ์ในปี 2018
“ผมพยายามนำเสนอเรื่องความหลากหลายของผู้คนมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นชาวเกย์ ชายจริง หญิงแท้ วัยรุ่น หรือคนสูงวัยก็ตาม” – Mr. Calvin Klein (มร.คาลวิน ไคลน์) ให้สัมภาษณ์แก่นักออกแบบอเมริกันรุ่นน้อง Marc Jacobs (มาร์ค เจคอบส์) ที่พยายามเดินตามรอยเขาในปี 2011 เป็นการกล่าวเกี่ยวกับมุมมองในเรื่องความหลากหลายและเท่าเทียม และทำให้เขาเปรียบได้กับผู้มาก่อนกาลที่ใช้วิสัยทัศน์ก้าวล้ำนำโลกเป็นแกนหลักของเข็มทิศ คอยชี้นำการออกแบบผลงานและผลิตภัณฑ์ใหม่อยู่เสมอ ความสำเร็จของน้ำหอม CK One เป็นอีกการการันตีว่าเข็มทิศของเขาได้ชี้ไปยังทิศทางที่ใช่ และทำให้เขากลายเป็นผู้กรุยทางสำหรับผู้ผลิตน้ำหอมรายใหม่ๆ ที่ต้องการจะนำเสนอ ‘กลิ่นแห่งความเท่าเทียม’ เช่นเดียวกัน