ลวดลายตารางสุดแสนคลาสสิกในชื่อ Damier (ดามิเยร์) ของ Louis Vuitton ถือกำเนิดมานานจนครบ 135 ปีในปีนี้ จากจุดเริ่มที่ทางแบรนด์พบกับปัญหาการลอกเลียนสินค้าของตนจนกระทั่งในปี 1888 จึงได้มีการเปิดตัว Toile Damier (ผ้าใบลายตารางหมากรุก) เพื่อป้องกันปัญหาที่ว่า Louis Vuitton จึงกลายเป็นแบรนด์ผู้นำที่มีการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเกี่ยวกับเรื่องลวดลายครั้งแรกของโลก
ดามิเยร์ คำภาษาฝรั่งเศสที่เทียบเคียงเป็นอังกฤษก็คือ Checkerboard คือหนึ่งใน 3 ลายหลักของวิตตอง (อีกสองลายที่ว่าคือ Monogram และ Epi) ที่ผมเชื่อว่าแม้คุณผู้อ่านไม่ได้เป็นคอแฟชั่นหรือชื่นชอบการใช้สินค้าหรูระดับ Hi-End ก็คงเคยเห็นลวดลายสุดคลาสสิกนี้ผ่านตากันมาบ้าง เพราะมีคนทั่วโลกที่บริโภคสินค้าตีตราตัวอักษรย่อ LV ให้เห็นกันทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยที่มีนักช้อปสินค้าหรูไม่เป็นรองใคร ในยุคหนึ่งลายตารางสุดฮิตนี้ถึงขั้นกลายเป็น ‘แรงบันดาลใจ’ ให้สินค้าตั้งแต่ตลาดนัด แผงลอย ยันขึ้นห้าง ออกแบบผลิตภัณฑ์มีลายตารางและคู่สีทำให้ดูแล้วนึกถึงลายตารางดามิเยร์ของวิตตอง
ช่วงระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่ทางวิตตองได้ก้าวเข้าสู่โลกของอุตสาหกรรมแฟชั่นแบบเต็มรูปแบบโดยเปิดตัวคอลเล็กชั่นเสื้อสำเร็จรูป (Ready-to-Wear) อย่างเป็นทางการในต้นปี 1998 ทางแบรนด์ได้ปลุกปั้นให้ลายนี้กลับมาผงาดอีกครั้ง ช่วงปลายยุค ‘90s มีแคมเปญชื่อว่า ‘Damier Canvas Returns’ หรือการกลับมาของลายดามิเยร์ กับผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆ ที่ดูทันสมัยเข้ากับโลกยุคใหม่ อีกทั้งยังสอดรับกับกระแสแฟชั่นในช่วงเวลานั้นทั้งเครื่องแต่งกาย กระเป๋า และรองเท้าสำหรับบุรุษและสตรี กลายเป็นลายยอดฮิตของวิตตองอยู่พักใหญ่
ในปี 2000 ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ในช่วงเวลานั้น Marc Jacobs ขอต้อนรับศตวรรษที่ 21 โดยการเปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่ที่ใช้ชื่อว่า Damier Vernis เป็นการนำเสนอลายตารางซิกเนเจอร์ของแบรนด์ในรูปแบบใหม่ ใช้เทคนิคการปั้มให้เกิดลายตารางแบบนูนต่ำลงบนหนังวาววับ ผลลัพธ์ที่ได้กลายเป็นเครื่องหนังวิตตองที่ดู ‘อวดหรูแบบไม่ตั้งใจ’ เพราะคุณจะไม่เห็นลายนี้ลอยเด่นมาแต่ไกล แต่จะเห็นก็ต่อเมื่อเข้ามาใกล้ๆ ซึ่งในช่วงเวลานั้นถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับแฟนคลับที่ไม่ชอบลายตารางสีน้ำตาลรูปแบบเดิมและยังเป็นการเป็นการฉีกงานออกแบบที่เคยมีมา
ลายดามิเยร์กลับมาเรียกเงินแฟนคลับอีกครั้งในปี 2008 กับการฉลอง 120 ปีของลายตารางเลื่องชื่อ Damier สีใหม่ใช้ชื่อว่า Damier Graphite เปิดตัวพร้อมกับคอลเล็กชั่นชายประจำฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาวประจำปี 2008 และกลายเป็นลายเด่นประจำฤดูกาลที่สามารถสร้างเม็ดเงินมหาศาลให้ทางแบรนด์ยาวนานต่อเนื่องนานนับสิบปี ก่อนที่ในปี 2018 ลายดามิเยร์จะถูกนำมาลดทอนปรับใช้ให้กลายเป็นลายเด่นทั้งบนคอลเล็กชั่นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และแอคเซสซอรี่
โดยในปัจจุบันลายตารางดามิเยร์มีหลายสีให้เลือกทั้งในฝั่งคอลเล็กชั่นสำหรับบุรุษและสตรี โดยในฝั่งหญิงนั้นมี Damier Ebene (สีน้ำตาลคลาสสิก) Damier Azur (ขาวออฟไวท์) ส่วนฝั่งชายนั้นมี Damier Ebene เช่นเดียวกับฝั่งชาย Damier Graphite (สีเทา) Damier Geant (การสร้างเทคเจอร์ลายตารางขนาดใหญ่บนผ้า) และ Damier Infini (การปั๊มนูนลายตารางบนหนัง มาแทน Damier Vermis ในปี 2000) นี่ยังไม่นับรวมการดัดแปลงดามิเยร์ให้ดูเป็นกราฟิกสีสันสดใสแบบพิเศษเฉพาะฤดูกาล
มาถึงปีนี้ 2023 ปีที่ลายดามิเยร์มีอายุครบ 135 ปี ผมเชื่อว่าเราน่าจะได้เห็นการนำลายตารางเลื่องชื่อมาปรับใช้กับในคอลเล็กชั่นบุรุษและสตรี โดยเฉพาะกับคอลเล็กชั่นบุรุษที่กำลังจะเผยโฉมผลงานแรกของผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์คนใหม่ Pharrell Williams ในเดือนหน้า ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าตัวก็เคยใช้ผลิตภัณฑ์ลายตารางดามิเยร์ของวิตตองให้เห็นออกสื่ออยู่เนื่องๆ ดังนั้นโอกาสที่ลายดามิเยร์จะกลับมาผงาดฉลองศักราชใหม่ของหนุ่มๆวิตตองนั้นมีโอกาสเป็นไปได้สูงเลยทีเดียว … ต้องติดตาม!
