สัมภาษณ์เอ็กคลูซีฟกับ ‘Bruno Major’ ถึงความปราดเปรื่อง ความโรแมนติก และอารมณ์ขันขยี้หัวใจของเขา

ศิลปิน นักร้อง และโปรดิวเซอร์ชาวอังกฤษ ‘Bruno Major’ แลนดิ้งที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งที่สองเพื่อแสดงคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูปแบบ ผู้ชายคนนี้เลื่องชื่อลือชาว่าเป็นศิลปินประเภทที่เบ่งบานบนเวที เมื่อเราได้สัมผัสการแสดงสดผ่านเสียงร้องที่มีน้ำหนัก เนื้อเพลงที่กินใจ และเมโลดี้ที่ไม่คุ้นหู พลังอารมณ์สุดเข้มข้นของเขาส่งแรงกระเพื่อมมาถึงเราจนบีบหัวใจชวนให้น้ำตาไหล…และคราวนี้แอลเมนก็ไม่พลาดสำหรับสัมภาษณ์สุดพิเศษกับบรูโน เมเจอร์ เพื่อให้คุณผู้อ่านได้ทำความรู้จักและซึมซับความปราดเปรื่อง ความโรแมนติก และอารมณ์ขันขยี้หัวใจของเขา

ELLE MEN: อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณสนใจดนตรี?

Bruno: พ่อผมเล่นกีตาร์ครับ เลยมีกีตาร์วางอยู่รอบ ๆ บ้านเสมอ ตอนนั้นผมลองหยิบมันมาเล่นแต่มันก็ใหญ่กว่าตัวผม พอผม 7 ขวบ พวกเขาเลยซื้อกีตาร์ตัวเล็กสำหรับเด็กมาให้ แล้วผมก็รักมันมาโดยตลอด ผมไม่ได้เก่งอะไรอย่างอื่นขนาดนั้นด้วยครับ ผมรักแค่ดนตรี แล้วผมก็ชอบเขียน ชอบพวกบทกลอนด้วย พออายุประมาณ 13-14 ผมก็จริงจังกับมันมาก ๆ ผมเริ่มเล่นกีตาร์ทั้งวัน จริง ๆ มันเลยเป็นเหมือนอะไรที่ผมเล่นมาทั้งชีวิตครับ

ELLE MEN: เหมือนว่าครอบครัวก็มีส่วนให้คุณมุ่งหน้าสู่เส้นทางนี้ แล้วคุณก็โตมากับดนตรี?

Bruno: ใช่แล้วครับ พี่ชายผมเองก็เป็นนักดนตรีด้วย อยู่วง London Grammar ไม่รู้ว่าคุณจะรู้จักไหมนะครับ เป็นวงที่เจ๋งมาก พวกเขาทำได้ดีเลย ก็เรียกได้ว่ามันเป็นอะไรที่อยู่ในครอบครัวผมเลยครับ

ELLE MEN: เคยเห็นในบทสัมภาษณ์ว่าคุณได้แรงบันดาลใจมาจากสิ่งต่าง ๆ รอบตัว อยากรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่แปลกที่สุดที่เป็นแรงบันดาลใจให้คุณ?

Bruno: ก็…ผมตั้งชื่ออัลบั้มนี้ตามชื่อรถ ผมคิดว่านี่ก็แปลกแล้วนะครับ ผมไม่คิดว่ามีคนแต่งเพลงเกี่ยวกับรถของพวกเขา แต่ก็นะ ‘Columbo’ มันคือรถ Mercedes รุ่นเก่าที่ผมซื้อตอนผมบินไป LA หลังล็อกดาวน์เพื่อไปทำอัลบั้มนี้ ตอนที่ผมขับรถเล่นอยู่ก็รู้สึกว่าได้เป็นอิสระขึ้นมา เพราะว่าพวกเราเหมือนถูกขังอยู่ในบ้านจากการล็อกดาวน์ใช่ไหมครับ ตอนนั้นมันเลยเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมาก ๆ รถคันนั้นเป็นเหมือนสัญลักษณ์ว่าผมได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระอีกครั้ง แต่ถ้าคุณไม้ได้เท้าความมันเลย มันก็คือการแต่งเพลงเกี่ยวกับรถนั่นแหละครับ ถ้าคุณเปลี่ยน Columbo เป็นชื่อผู้หญิง มันก็จะเป็นเพลงคลาสสิกทั่วไป

ELLE MEN: ช่วยเล่าเรื่องจุดเริ่มต้นของ ‘A Song for Every Moon’ และการเดินทางในวงการดนตรีของคุณ?

Bruno: เป็นคำถามที่ยาวเลยนะครับ (หัวเราะ) ผมปล่อยอัลบั้ม ‘A Song for Every Moon’ แล้วผมก็ทัวร์คอนเสิร์ตไปประมาณ 2 ปี อัลบั้มมันปล่อยออกมาในปี 2017 แล้วผมทัวร์ถึงปี 2020 รวมเกือบ 3 ปีได้ครับ ผมถึงได้ทำอัลบั้มที่สอง ‘To Let A Good Thing Die’ แผนคือจะปล่อยอัลบั้มแล้วก็ทัวร์อีกสองปีนั่นแหละ แต่พอเจอโควิดทุกอย่างก็ถูกยกเลิก ผมเลยใช้เวลาช่วงปีนั้นไปกับครอบครัว เล่นวิดีโอเกม แต่ก็ไม่ได้เขียนอะไรออกมาเลยครับ ผมไม่มีแรงบันดาลใจมาก ๆ ในตอนนั้น พอล็อกดาวน์จบ ผมเลยไป LA เพื่อทำอัลบั้มนี้ ผมคิดว่ามันสำคัญมาก ๆ ที่ต้องทำเพลงอยู่เสมอน่ะครับ เพราะคนต้องการเพลงใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา พวกเขาต้องการมาดูโชว์ แต่ที่มากกว่านั้น ผมว่าพวกเขาก็ต้องการอะไรใหม่ ๆ นั่นแหละ ขนาดที่ผมเพิ่งปล่อยอัลบั้มล่าสุดนี้ไป คนก็ยังส่งข้อความมาให้ผมว่าแบบ “ปล่อยเพลงอีก!” ผมก็แบบ ทุกคน ถามจริง? (หัวเราะ) 

ELLE MEN: มีแรงบันดาลใจอะไรจากวิดีโอเกมไหม?

Bruno: จริง ๆ แล้วผมได้แรงบันดาลใจจากวิดีโอเกมเยอะมากครับ ผมเล่น Super Mario เยอะมาก แล้วคุณรู้อะไรไหม ในเพลง ‘Nothing’ เดิมทีผมเขียนมันเกี่ยวกับ Mario Kart แหละ เพราะตอนแรกเนื้อมันคือ “You’ll watch for Red Shells while I’m watching you” ก็คือ Red Shell ในเกมนั่นแหละครับ แล้วผมถึงเปลี่ยนมันเป็น “You’ll watch the TV” แต่ว่าคอร์ดของเพลงก็ยังคงเป็นคอร์ดเดียวกันกับ Mario อยู่ มันเลยเป็นเหมือน Easter Egg เล็ก ๆ ครับ

ELLE MEN: ได้ยินมาว่า Regent’s Park ก็ได้แซมเปิลมาจาก 101 Dalmatians เหมือนกันด้วย?

Bruno: นั่นแหละครับ มันคือสิ่งที่เราในวัยเด็กโตมา ผมเองก็ดูหนังดิสนีย์เยอะมาก ๆ แล้วก็เล่นเกมเยอะด้วย พอจะเริ่มทำเพลงเอง ในหัวมันก็เลยมีอะไรพวกนี้อยู่เยอะ เรียกได้ว่ามันมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อคุณแน่นอนครับ ผมชอบอะไรพวกนี้มาก คุณเคยเล่นเกม The Legend of Zelda ไหมครับ เพลงในเกมนั้นดีมาก ผมร้องได้ทุกเพลงเลย (ฮัมเพลง) (ELLE MEN: เหมือนจะรู้จักคาแรกเตอร์จากเกมแต่ไม่เคยเล่น ที่เป็นเด็กผู้หญิง…) ใช่ครับ Zelda เป็นเจ้าหญิงเนี่ยแหละ แต่ตัวละครหลักของเกมมันคือ Link ครับ เขามีดาบแล้วเขาก็ต้องช่วยเจ้าหญิง คลาสสิกสุด ๆ 

ELLE MEN: มีเพลงไหนที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์แอนิเมชั่นหรือเกมส์ที่คุณไม่เคยบอกใครไหม?

Bruno: นอกจาก Nothing แล้ว ผมว่า Home ก็ได้แรงบันดาลใจมากจากหนังครับ ผมไม่รู้นะ แบบว่าผมไม่ค่อยได้แต่งเพลงเกี่ยวกับอะไรเจาะจงขนาดนั้น เพราะปกติผมก็ใช้ iPhone ของผม เปิดแอป Notes แล้วก็เขียนอะไรทีละนิดลงไปตลอดเวลา บางทีผมดูหนังอยู่แล้วมีประโยคที่ผมชอบ ผมก็จดมันลงไปเลย ซึ่งผมก็ไม่ได้ขโมยมาทั้งหมดนะครับ ถ้าผมเอามันมาใช้ในเพลง ผมก็จะปรับเปลี่ยนมันไปมา ให้มันเป็นชิ้นส่วนที่คุณจับมันเข้าด้วยกัน เหมือนงาน collage อะไรประมาณนี้ครับ

ELLE MEN: ความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่คุณได้ทำในฐานะศิลปิน?

Bruno: ความสำเร็จที่สุดของผมในฐานะศิลปิน อืมมม…ผมรู้ว่านี่อาจจะฟังดูน่าเบื่อเล็กน้อย แต่ผมคิดว่าแค่ผมสามารถทำมาหากินกับสิ่งที่ผมรักได้ ผมรู้สึกซาบซึ้งมากที่ในทุก ๆ วันผมได้แต่งเพลงและเล่นกีตาร์ของผม ได้ทำในสิ่งที่ผมรักเป็นงานของผม ผมคิดว่านั่นจะเป็นความสำเร็จที่ดีที่สุดของผมครับ แต่ถ้าคุณพูดถึงในเชิงดนตรีล่ะก็ ผมคิดว่าคืออัลบั้มใหม่ของผม ‘Columbo’ ครับ ผมรักอัลบั้มนี้ และสำหรับผม มันเป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้พูดในสิ่งที่อยากพูดครับ

ELLE MEN: คำแนะนำที่ดีที่สุดที่คุณเคยได้รับ?

Bruno: คำแนะนำที่ดีที่สุดที่ผมเคยได้รับเลยมาจาก D.A. Wallach ครับ เขาเป็นนักร้องนักแต่งเพลงที่เยี่ยมมาก เขาเป็นคนที่ฉลาดมากจริง ๆ เขาบอกผมว่าให้สร้างมันก่อน แล้วค่อยมาพิจารณามันทีหลัง เพราะผมคิดว่ามันง่ายมากสำหรับนักแต่งเพลงหรือนักดนตรี เวลาที่คุณกำลังทำอะไรแล้วคุณก็คิดว่า นี่มันเจ๋งไหมนะ นี่มันเร็วพอไหม มันเหมือนเพลงอื่นที่ผมเคยทำไหม หรือมันเหมือนเพลงนี้มากไปไหม หรือมันจะได้ถูกเปิดในวิทยุไหม  มันจะถูกเพิ่มเข้าเพลย์ลิสต์ไหม มันเศร้าเกินไปไหม หรือะไรก็ตาม คุณแค่ต้องทำมัน พอทำเสร็จค่อยมาดูว่าผมชอบมันไหม และผมรู้สึกว่ามันเป็นวิธีในการสร้างสรรค์ที่เสรีมาก นั่นเลยน่าจะเป็นคำแนะนำที่ดี่ที่สุดครับ

ELLE MEN: อะไรคือดนตรีสำหรับคุณ?

Bruno: ดนตรี ทางเทคนิคมันก็คือศิลปะรูปแบบหนึ่งที่เอาคลื่นเสียงมาเรียบเรียงเพื่อที่จะมาจัดการควบคุมกับความรู้สึกของเรา ส่วนดนตรีสำหรับผม มันคือวิธีที่ผมจะแสดงตัวตนของผมออกมา และด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม มันเป็นวิธีที่ผมจะแสดงตัวเองออกมาทางศิลปะได้อย่างสบายใจที่สุดครับ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ที่ดนตรีมีกับถ้อยคำ สำหรับผมมันสำคัญมาก เพราะผมรักทั้งถ้อยคำแล้วก็รักดนตรีด้วย ถ้าคุณเล่นเปียโนด้วยเมโลดี้ที่สนุกสนานแล้วใส่เนื้อร้องที่เศร้าลงไป มันก็จะมีรสขมอมหวาน ซึ่งนั่นคือความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนใช่ไหมครับ เช่นเดียวกัน คุณสามารถเล่นเมโลดี้ที่หม่นหมองมาก ๆ แล้วใส่เนื้อร้องเศร้า ๆ ลงไป มันก็จะบีบหัวใจไปเลย นั่นแหละครับคือเหตุผลที่ผมรักการแต่งเพลงมาก ๆ เราจะทำอะไรกับมันก็ได้เลย

ELLE MEN: เพลงที่ชอบแสดงที่สุด?

Bruno: ผมรักเพลงในอัลบั้มใหม่ของผมมากครับ เพราะมันสนุกมาก มันมีท่อนโซโล่กีตาร์เยอะ ผมก็ได้โชว์เยอะเลย นั่นแหละคือช่วงที่ผมว่าสนุกที่สุด ถ้าให้เลือกก็คงจะเป็นเพลง ‘The Show Must Go On’ ครับ ไม่ก็ ‘The End’ แทร็กสุดท้ายในอัลบั้ม

ELLE MEN: นักดนตรีชื่อดังคนไหนที่คุณชื่นชอบ?

Bruno: เยอะมากครับ เยอะมาก เยอะเกินจะไล่ชื่อหมดด้วยซ้ำ คนที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมมีเยอะแล้วก็หลากหลายมาก ๆ ถ้านักแต่งเพลงก็ต้องเป็น Randy Newman นักร้องก็คงเป็น Chet Baker โปรดิวเซอร์ก็มี D’Angelo, Radiohead, J Dilla แล้วก็ James Blake ถ้ามือกีตาร์ก็ต้อง Joe Pass กับ Bill Evans ที่เป็นนักเปียโนด้วย อีกเยอะเลยครับ พูดไปก็ไม่หมด ผมไล่ชื่อได้เป็นวันเลย Joni Mitchell ก็ด้วย 

ELLE MEN: เนื้อเพลงที่ดีที่สุดที่คุณเคยเขียน?

Bruno: ตอบยากมากครับ ผมรัก ‘Just The Same’ ในอัลบั้มแรกของผมมากครับ Flood me with malice, ‘Til the river’s running red. Make me an outlaw. Put a price upon my head. And cast me to exile or a house for the insane. And I will still love you just the same. ผมรู้สึกเสมอว่ามันคือเพลงรักนะ แต่รักมันไม่ได้แบบเหมือนเพลง ‘Nothing’ ของผม ที่มี Netflix ช่วงเวลาดี ๆ และป็อปคอร์นกับหนังตลอดเวลา บางครั้งความรักมันดาร์กมาก แล้วผมรู้สึกว่า ‘Just The Same’ มันอธิบายความรู้สึกของผมในความสัมพันธ์ตอนนั้นที่มันแบบ ผมรักคุณนะ แต่คุณจะไม่ใช่สิ่งสุดท้ายในชีวิตของผม

ELLE MEN: อะไรที่ทำให้คุณยิ้มในช่วงนี้?

Bruno: ได้มีแฟนสาวของผมมาทัวร์คอนเสิร์ตด้วยกันครับ 🙂

ELLE MEN: ฝากอะไรถึงแฟนชาวไทย?

Bruno: ผมอยากจะบอกว่า มันเจ๋งมากที่ผมมีแฟนคลับในประเทศไทย มันไกลจากที่ที่ผมโตมาและที่ที่ผมอยู่มาก คือที่ลอนดอน เป็นเรื่องที่พิเศษมากที่ผมได้มาถึงประเทศไทย ซึ่งก็เป็นที่ที่สวยงามมาก และการได้แสดงที่นี่ และทุกคนนมากัน นี่มันบ้ามาก ผมซาบซึ้งมาก ผมรักพวกคุณมากครับ ขอบคุณครับ

Similar Articles

More