พูดคุย ‘SOMETHING IN MAN SUANG’ กับสองนักแสดงบาส-อัศวภัทร์ และต๋อง-ธนายุทธ

เมื่อบาส-อัศวภัทร์ ผลพิบูลย์ และ ต๋อง-ธนายุทธ ฐากูรอรรถยา สองนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่องแมนสรวง แท็กทีมร่วมถ่ายแฟชั่นเซ็ตพร้อมให้สัมภาษณ์ครั้งแรกกับนิตยสาร แอลเมน ประเทศไทย เชื่อมโยงภูมิหลังตัวละคร ว่าน และ ฮ้ง สู่ตัวตนของพวกเขา

THE JOY TO GIVE

บาส-อัศวภัทร์ ผลพิบูลย์ ผู้รับบท ‘ว่าน ชนชั้นไพร่’ ในภาพยนตร์แมนสรวง ผู้ชายคนนี้เต็มไปด้วยพลังงานดีๆ เมื่อเขามีเวลาว่างจะคอยหมั่นดูรายการคอเมดี้เพื่อสะสมมุกตลกไว้ไปปล่อยให้คนรอบข้าง เพราะชอบทำให้คนยิ้มและหัวเราะ เห็นลุคหล่อสะอาดแบบนี้ ตบมุกโบ๊ะบ๊ะเก่งเชียวล่ะ

BAS – ASAVAPATR PONPIBOON

ELLE MEN: Timeline ฉบับย่อ
BAS: ตอนอยู่มหาวิทยาลัยผมเรียนเอกดนตรีครับ ซึ่งตึกที่เรียนอยู่มีทั้งหมด 5 ชั้น ผมเรียนอยู่ชั้นบนสุดคือชั้น 5 ส่วนชั้น 4 เป็นแผนกนาฏศิลป์และการละคร ชั้น 3 เป็นแผนกจิตรกรรม คือเป็นตึกอาร์ตทั้งตึกเลยครับ รุ่นพี่จากชั้น 4 คณะการละครทำอาชีพ modeling หลายคน พอเขาเห็นผมก็มาขอคอนแทกต์ผมไป ผมจึงได้เริ่มเข้าวงการตั้งแต่ตอนนั้น งานแรก ๆ ของผมเป็นงานโฆษณา ถ่ายเอ็มวี จากนั้นผมก็แคสต์ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในนักแสดง KinnPorsche The Series La Forte เลยมาอยู่ในสังกัด Be On Cloud จากนั้นก็ได้มาเป็นนักแสดงในเรื่องแมนสรวงครับ

ELLE MEN: ตัวตนของบาส

BAS: เนเจอร์ของผมค่อนข้าง introvert ครับ ถ้าไม่สนิทผมจะเงียบมาก และไม่เข้าหาใครก่อน จะไม่เดินเข้าไปคุยมั่วซั่วเพราะว่าเราไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง แต่พอเราเริ่มเข้าวงการผมก็เริ่มปรับตัวเองให้เข้ากับผู้คนได้มากขึ้น อัธยาศัยดีมากขึ้น เข้าหาคนมากขึ้น มันจำเป็นมาก ๆ ครับสำหรับอาชีพนี้ นิสัยของผมอีกอย่างหนึ่งก็คือผมรู้สึกว่าผมชอบทำให้คนอื่นยิ้ม พอเห็นคนอื่นหัวเราะได้ผมก็รู้สึกดีไปด้วย ผมเป็นคนที่ชอบดูตลกมาก เช่น รายการฮาไม่จำกัด ก็มาดิคร้าบ ตลกคาเฟ่ อะไรแบบนี้ แล้วผมก็ชอบเล่นมุกตลกกับเพื่อน…เอ้ย เอาสบู่มาถูหมู! ส่งมุกกลับไปกลับมา โบ๊ะบ๊ะอะครับ (หัวเราะ)

ELLE MEN: รับบทอะไรในภาพยนตร์เรื่องแมนสรวง ช่วยเล่าพื้นเพตัวละครให้ฟังหน่อย

BAS: รับบทว่านครับ เป็นชนชั้นไพร่ อุปนิสัยของเขาเป็นคนที่พยายามเป็นมิตรกับทุกคนที่เขาเจอ พยายามยิ้มให้กับทุกอย่างที่เขาเจอ แต่ลึก ๆ ข้างในมันมีอะไรซับซ้อนกว่านั้น ซึ่งว่านจะมีเพื่อนสนิทชื่อเขม รับบทโดยอาโป กินนอนด้วยกัน เป็นไพร่มาด้วยกัน ต่อสู้มาด้วยกัน วันหนึ่งก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในแมนสรวงได้ แมนสรวงคือสถานที่ที่เหมือนกับเป็นโลกใต้ดิน เป็นเหมือนสถานบันเทิงที่มีชื่อเสียงที่สุด เป็นที่พบปะของมหาเศรษฐีและชนชั้นสูงในยุคนั้น และเป็นโลกที่ทุกคนใฝ่ฝันอยากจะเข้าไปสัมผัสให้ได้

ELLE MEN: บาสกับว่านมีความเชื่อมโยงกันอย่างไร

BAS: จริง ๆ ค่อนข้างเชื่อมโยงเลยครับ คือตอนเด็ก ๆ เป็นเด็กอ้วน ตัวขาวจั๊วะ พอผมโดนแดดก็จะออกสีแดง ๆ หน้าตาและคาแรกเตอร์ตอนนั้นอาจจะทำให้ผมโดนแกล้งบ่อย ๆ เชื่อไหมครับ ผมโดนแกล้งมาเกือบครึ่งชีวิต เลิกโดนแกล้งประมาณ ม.4 คือผมเป็นเด็กไม่สู้คนครับ อาจจะเป็นเพราะคุณแม่สอนผมเสมอว่าอย่าไปมีเรื่องกับใครนะ แม่ไม่มีปัญญาไปจ่ายเงินค่าเสียหายถ้าไปมีเรื่องกับใคร มันเลยเป็นคำพูดที่ฝังหัวผมมาตลอดว่าผมจะไม่ไปมีเรื่องกับใคร ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นคนหาเรื่องก็ตาม ผมจะพยายามหนี ซึ่งผมจะมีพี่สาวคนหนึ่งที่คอยปกป้องผมอยู่ตลอด เหมือนพี่ผมเป็นจอห์น วิค แล้วผมเป็นหมาของจอห์น วิคครับ (หัวเราะลั่น) ซึ่งตรงนี้แหละที่ไปเชื่อมโยงกับคาแรกเตอร์ของว่าน แต่ว่านจะเจอหนักหนากว่าบาสในตอนเด็กมาก ๆ ครับ ขออุบไว้ก่อนแล้วกันครับ ก่อนที่ผมจะเล่าจนจบเรื่อง (ยิ้ม)

ELLE MEN: ภาพยนตร์แมนสรวงให้อะไรกับบาส

BAS: ให้ผมพัฒนาการแสดงของผมไปอีกขั้นหนึ่ง ตอนที่เล่นเป็นอาร์มในเรื่อง KinnPorsche รู้สึกว่าเราไม่ได้เข้าถึงตัวแสดงขนาดนั้น อาจเพราะเราใหม่กับเรื่องการแสดงด้วยครับ เคยมีคนบอกผมว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม อย่าทำให้พอมองตัวเองกลับมาแล้วเราเสียใจทีหลัง ฉะนั้น พอมาเล่นเรื่องแมนสรวงผมเลยทำให้ดีที่สุด การที่ผมเล่นเป็นว่านผมจูนอินกับเขา 100% เลย ถึงแม้ว่าตอนที่หนังปิดกล้องไปแล้ว จิตวิญญาณผมยังเป็นว่านอยู่สักพักเลยครับ แต่ผมก็จะมีวิธีเอาตัวเองออกมาจากตัวละครแล้วปิดประตูจากว่าน ด้วยการเปลี่ยนอารมณ์ไปดูรายการตลก ไปเสพอย่างอื่นครับ

ELLE MEN: ถ้าให้เลือกเล่นเป็นตัวละครสักตัวล่ะ

BAS: อยากเล่นตัวละครอะไรก็ได้ที่แตกต่างจากความเป็นผม อยากรู้ว่าตัวเองจะทำได้ไหม อย่างภาพยนตร์ไซไฟ บทโทนี สตาร์ก ใน Iron Man บทแบบนี้ต้องใช้จินตนาการมาก ๆ ซึ่งเขาสามารถเล่นให้เราเชื่อได้ว่าเขากำลังสู้อยู่กับอะไรจริง ๆ มันไม่เหมือนกับการเล่นอยู่กับคนตัวเป็น ๆ ที่อีกคนสามารถส่งอารมณ์มาให้เราได้ แต่มันคือการเล่นกับภาพในจินตนาการ เล่นกับ green screen ผมรู้สึกว่ามันคือขั้นกว่าของการแสดงไปแล้วครับ

ELLE MEN: เมื่อต้องเจอนักเลงคีย์บอร์ด

BAS: ผมรู้สึกว่าการที่คนคนหนึ่งจะพูดไม่ดีหรือทำไม่ดีกับใครก็ตาม ลึก ๆ แล้วเขาต้องเจออะไรมา ผมจะพยายามทำความเข้าใจเขามากกว่าที่จะโกรธครับ ถ้าเราไปด่าเขากลับมันก็ไม่มีประโยชน์ครับ

ELLE MEN: ผลงานที่อยากฝาก

BAS: ขอฝากภาพยนตร์เรื่องแมนสรวงด้วยครับ เข้าฉายวันที่ 24 สิงหาคมนี้ อยากให้ทุกคนไปดูครับ มีหลายอารมณ์มาก ๆ และได้รับรู้ถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในยุคนั้นด้วย ซึ่งทีมงานรีเสิร์ชและทำการบ้านมาได้ดีมาก ๆ ตอนนี้ผมตั้งตารอที่จะให้ทุกคนได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ ทีมงานทุกคนตั้งใจกันทำงานมาก ๆ ผมอยากรู้ว่าคนที่ได้ดูเขาจะตื่นเต้นและชอบแบบผมไหม ถ้ามันเป็นไปตามแบบที่ผมคิดผมจะมีความสุขมากเลยครับ ถ้าคนดูเชื่อว่าผมเป็นว่านได้จริง ๆ เวลาไปไหนมาไหนแล้วทุกคนเรียกผมว่า ‘ว่านที่เป็นไพร่’ ผมจะดีใจมากเลยครับ

YOU DO YOU

ต๋อง – ธนายุทธ ฐากูรอรรถยา บอกเราว่า เขาเป็นมนุษย์หลายเฉด ไหลลื่น หลากหลาย ไม่จำเจ ไม่อยู่ในกล่อง ไม่ว่าจะอยู่ในโหมดไหน ขอแค่เป็นตัวเองในแบบที่ humble ก็พอ

ELLE MEN: Timeline ฉบับย่อ

TONG: จำได้ว่าช่วงที่เรียน ป.โท ผมอายุประมาณ 26-27 วันนั้นเป็นวันเกิดแล้วอยากให้ของขวัญตัวเอง ก็เลยไปไปสมัครฟิตเนสในห้าง ระหว่างเดินไปสมัครก็มีกองแคสติ้งของละครกำลังแคสต์อยู่ ตอนที่ผมเดินผ่านเขาก็เข้ามาคุยกับผม “น้องครับ ช่วยมาแคสต์บทพี่ชายหน่อยได้ไหม ยังขาดบทนี้อยู่พอดี” ซี่งผมก็แคสต์ได้และได้เล่นซีรีส์นี้ จากนั้นก็เข้าวงการด้วยความบังเอิญ ซึ่งผมไม่คิดเลยครับว่าผมจะได้มาเป็นนักแสดง ผมมองว่ารูปร่างหน้าตาของเราห่างไกลจากความเป็นดารามาก ๆ ก็เลยไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสเข้ามาในวงการนี้  

ELLE MEN: เนื้อแท้ของต๋อง 

TONG: ผมเป็นคนมีหลายเฉด แล้วแต่วันด้วยว่าวันนั้นเราจะอยู่กับใคร วันนี้นึกอยากจะมาแบบคูล ๆ เท่ ๆ อีกวันอยากมาแนวแซ่บ เรารู้สึกว่าเรามีความ fluid คนที่เห็นเราวันนี้กับเมื่อวานก็ไม่เหมือนกัน เป็นคนละฟีลลิ่งเลยครับ แต่ไม่ว่าผมจะอยู่กับใคร เพื่อน เด็ก ผู้ใหญ่ ผมก็จะ humble เสมอครับ 

ELLE MEN: ตอนนี้สนใจอะไรเป็นพิเศษ

TONG: ตอนนี้ผมโฟกัสเรียน ป.โท ปริญญาใบที่ 3 ที่นิเทศฯ จุฬา เรียนเกี่ยวกับ Creative Industries เทอมสุดท้ายแล้ว กำลังทำเล่มวิทยานิพนธ์อยู่ด้วยครับ  

ELLE MEN: รับบทอะไรในแมนสรวง

TONG: ต๋องรับบทเป็นลูกเจ้าของแมนสรวง ชื่อฮ้งครับ แมนสรวงคือชื่อสถานบันเทิงซึ่งเป็นจุดหลักของการดำเนินเรื่อง เขาเป็นลูกชายคนเดียวผู้สืบทอดกิจการแมนสรวง หลังจากที่คุณพ่อเขาเสียไป ฮ้งเลยขึ้นมาดูแลแทน และเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในแมนสรวง ภาพยนตร์ถูกดำเนินเรื่องด้วยเขมกับฉัตร ที่เล่นโดยอาโปและมายด์ สองคนนี้เข้ามาทำอะไรบางอย่างในแมนสรวง ซึ่งภารกิจนั้นจะสำเร็จไม่ได้เลยถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากฮ้ง 

ELLE MEN: ฮ้งมีความเชื่อมโยงกับต๋องอย่างไร 

TONG: มีจุดที่เชื่อมโยงอยู่ครับ แต่ไม่ถึงกับ 100% ผมพยายามจะไม่เอาตัวเองไปเล่นเป็นฮ้ง เพราะไม่งั้นคนดูจะแยกไม่ออกว่าคนไหนต๋องคนไหนฮ้ง ส่วนความเหมือนของฮ้งกับต๋องก็คงเป็นความซับซ้อนและหลากหลายในตัวเอง แต่เราไม่สามารถแสดงออกได้เต็มที่ สามารถแสดงออกได้ส่วนเดียวเท่านั้น ด้วยข้อจำกัดของยุคสมัย มาตรฐานของสังคมที่ตีกรอบฮ้ง ถึงแม้ว่าเขาจะมีอำนาจสูงสุดในแมนสรวงก็ตามครับ

ELLE MEN: ด้วยความที่แมนสรวงเป็นภาพยนตร์ period ยุครัตนโกสินทร์ ช่วงรัชกาลที่ 3 เป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ น่าจะมีความขลังมาก ๆ ได้เจออะไรแปลก ๆ ตอนถ่ายทำบ้างไหม 

TONG: ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าผมแล้ว…ล้อเล่นครับ (หัวเราะแรงมาก) ผมไม่เคยเจออะไรผิดปกติเลยตลอดการถ่ายทำ ทุกครั้งที่เราทำงานจะมีการทำพิธีการทุกครั้ง ไม่ว่าจะการบวงสรวง ทำความเคารพ เลยไม่รู้สึกถึงเรื่องพิศวงหรืออัศจรรย์อะไรครับ 

ELLE MEN: สิ่งที่ได้จากภาพยนตร์แมนสรวง

TONG: ผมว่าไม่ใช่แค่ผมที่ได้ ทีมงานและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนก็ได้เช่นกันครับ แมนสรวงเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของผมด้วย วิธีทำการบ้าน วิธีการถ่ายทำไม่เหมือนกับซีรีส์เลยครับ คือภาพยนตร์มันจะจอใหญ่และใกล้กับตาผู้ชมมาก แอ็กติ้งทุกอย่างต้องจริง ต้องไม่เฟก เลยต้องทำการบ้านเยอะ ได้ประสบการณ์เยอะมาก ๆ ครับ

ELLE MEN: ถ้าให้เลือกตัวละครในภาพยนตร์สักหนึ่งตัวละคร อยากรับบทเป็นตัวละครไหน 

TONG: ผมอยากรับบท Evelyn Quan Wang ในเรื่อง Everything Everywhere All at Once ที่เล่นโดยมิเชล โหย่ว ในเรื่องเขาเล่นสลับหลายคาแรกเตอร์มาก ๆ เป็นสิบบทเลย ตัวละครแต่ละตัวนิสัยก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง ต้องเปลี่ยนอารมณ์อยู่ตลอด และมิเชลต้องเล่นให้คนดูเชื่อให้ได้ว่าเป็นคนคนนั้นจริง ๆ  ไม่แปลกใจเลยครับที่เขาได้ออสการ์ สุดยอดมาก ถ้ามีโอกาสก็อยากเล่นให้ได้แบบมิเชล โหย่วครับ  

ELLE MEN: มีภาพยนตร์หรือซีรีส์เรื่องโปรดไหม

TONG: ผมเป็นคนชอบดูหนัง เป็นเด็กสายฟิล์ม เรื่องที่ชอบมาก ๆ คือเรื่อง HER ที่พระเอกหลงรัก AI หนังมันเหงามากครับ ผมค่อนข้างอินเพราะมัน touch ผมพอสมควร แล้วก็ Call Me by Your Name และ The Perks of Being a Wallflower ที่ Emma Watson แสดงนำครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมชอบมากเหมือนกัน

ELLE MEN: ตอนนี้ต๋องให้ความสำคัญกับอะไรที่สุด

TONG: ให้ความสำคัญกับตัวเอง ฟังดูแล้วเหมือนเป็นคนเห็นแก่ตัวเลยนะครับ (หัวเราะ) คือมันเป็นช่วงวัยที่ต้องหันมาเรียนรู้ตัวเอง เคารพตัวเอง เข้าใจตัวเอง พอเราเข้าใจตัวเองมากขึ้น เราก็จะเข้าใจคนอื่นมากขึ้นครับ ต๋องเลยให้ความสำคัญกับตัวเองและถามตัวเองอยู่เสมอว่าเราต้องการอะไร อยากเป็นคนแบบไหน เมื่อก่อนผมไม่ได้อยู่กับตัวเองสักเท่าไหร่ สิ่งที่ทำทำเพราะว่าเขาอยากให้เราทำ และเราก็พยายามเป็นในสิ่งที่คนอื่นชอบ หรือทำแบบนี้แล้วคนจะชอบ เลยรู้สึกว่า เออ ที่ผ่านมามันเหนื่อยเนาะ เมื่อก่อนเราคิดว่า ถ้าเราเป็นตัวของตัวเองคนจะไม่ให้เกียรติ สังคมจะไม่ยอมรับ แต่ตอนนี้คนรอบข้างผม และพี่ ๆ น้อง ๆ ในค่ายซัพพอร์ตความเป็นตัวเองของเรามาก เราเลยรู้สึกมีความกล้าและความมั่นใจมากขึ้นครับ  

ELLE MEN: สิ่งที่อยากจะฝากส่งท้าย 

TONG: ผมขอฝากภาพยนตร์เรื่องแมนสรวงที่จะฉายวันที่ 24 สิงหาคมนี้ พวกเราตั้งใจทำเต็มที่ให้ออกมาดีที่สุด นอกจากหนังแล้ว เรายังมีกิจกรรมที่จัดขึ้นที่ถนนทรงวาด ซี่งเป็นพื้นที่กิจกรรมที่ได้รับความร่วมมือจากห้างร้าน ผู้ประกอบการ ประมาณว่าเป็นเหมือน Bangkok Design Week เลยครับ เป็น creative idea ขนาดย่อม และเราจะมีพื้นที่สำหรับแมนสรวงให้ทุกคนได้ทำกิจกรรม งานจะมีตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม ถึง 3 กันยายนนี้ครับ 

Similar Articles

More